จากกรณี คลัสเตอร์ยะลา โรงเรียนฮาฟิซสอนศาสนา ภายในศูนย์มัรกัสยะลา (ชุมชนมัรกัส) ในพื้นที่บ้านเปาะยานิ หมู่ที่ 3 ต.สะเตงนอก อ.เมืองยะลา จ.ยะลา ได้มีเด็กนักเรียนจากหลายพื้นมาเล่าเรียนด้านศาสนาเป็นจำนวนมาก ซึ่งประกอบกับมีการติดเชื้อโรคไวรัสโควิด-19 ปลายเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา จนทำให้เด็กนักเรียนบางรายมีอาการป่วย เป็นไข้ โดย พบว่านักเรียนมีพฤติกรรมติดเชื้อมีการรวมกลุ่ม รับประทานอาหารร่วมกัน ทำกิจกรรมทางศาสนาโดยไม่สวมหน้ากาก มีการใช้ถาดอาหารหรือแก้วน้ำร่วมกัน
โดยทาง โรงเรียนตะฮ์ฟีซุลกุรอานตาเบะมัสญิดินนูร หรือ โรงเรียนฮาฟิซสอนศาสนา ดังกล่าว ได้ปล่อยให้เด็กนักเรียนเดินทางกลับไปยังภูมิลำเนาหลายจังหวัด ทางสาธารณสุขจังหวัดยะลา ได้นำเจ้าหน้าที่ และเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนลงพื้นที่ จัดการพื้นที่ได้ปิดโรงเรียนปิดพื้นที่เสี่ยง สอบสวนโรค ค้นหาเชิงรุกในชุมชน หาคนสัมผัสเสี่ยงสูง จนเจ้าหน้าที่พบยืนยันผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวนหนึ่ง และพบผู้ติดเชื้อเรื่อยๆ จนทำให้เกิดการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์อังกฤษ – แอฟริกา อย่างรวดเร็ว กระจายหลายพื้นที่ของ 12 จังหวัดภาคใต้ คาดว่าจะมีอีกหลายจังหวัดที่จะมีผู้ติดเชื้อ
นพ.สงกรานต์ ไหมชุม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยะลา เปิดเผยว่า สำหรับของจังหวัดยะลา พบคลัสตอร์ของศูนย์มัรกัสยะลา จำนวน 102 คน รวมทั้ง 12 จังหวัดในตั้งแต่ภาคใต้ตอนบนลงมาก็ประมาณ 402 คน แยกเป็น นราธิวาส 111 ราย ยะลา 102 ราย ปัตตานี 46 ราย สตูล 46 ราย สงขลา 36 ราย กระบี่ 18 ราย พัทลุง 13 ราย นครศรีธรรมราช 10 ราย สุราษฎร์ธานี 9 ราย พังงา 5 ราย ตรัง 3 ราย และ ภูเก็ต 3 ราย ทั้งหมดอยู่ในการดูแลรักษาอยู่ในโรงพยาบาลสนามและโรงพยาบาลบางส่วนแล้ว พี่น้องประชาชนไม่ต้องตกใจในประเด็นนี้ ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ดูแลกันหมดแล้ว
โดยเชื้อที่ตรวจเจอเป็นเชื้อเบต้า ซึ่งกำลังรอการสอบสวนโรคเพื่อหาแหล่งที่มาว่ามาจากแหล่งใด โดยผลที่ออกมาว่าเป็นเชื้อเบต้า เป็นผลการตรวจจากภูเก็ต ซึ่งผลการตรวจเชื้อของยะลายังไม่ได้รับรายงาน แต่ก็มีมาตรการจัดการขั้นสูงสุด ห้ามเดินทางเข้า-ออกจังหวัด
ขอบคุณรูปภาพจากประกอบจาก xinhuathai