คณะสงฆ์นครศรีธรรมราชเผยผลตรวจดีเอ็นเอ “สามเณรปลื้มกับแม่บังเกิดเกล้า” กลับไม่ตรงกัน ชี้มีความเป็นไปได้ ศพที่ขุดพบในวัดวังตะวันตกไม่ใช้เหยื่อสามเณรโหด
จากกรณีที่ได้รับการร้องเรียนจากญาติ ๆ ของ นายศุภโชค เอกเกียรติกุล อายุ 17 ปี หรือ “สามเณรปลื้ม” วัดวังตะวันตก ต.คลัง อ.เมืองนครศรีธรรมราช ว่าสามเณรปลื้มหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย นานเกือบ 5 เดือนตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค.60 สงสัยว่าจะถูกอุ้มฆ่าจนนำไปสู่การสืบสวนจับกุมคนร้ายรวม 4 คน คือ น.ส.ปิยฉัตร หรือบิว อรุณสกุล อายุ 40 ปี , นายเด่นชัย หรืออดีตพระเด่น ภูมินิยม อายุ 36 ปี สามี , น.ส.ปิยฉัตร นายสุริยา กุศลสุข หรือสามเณรสุริยา อายุ 18 ปี และ นายนที หรือเบ็นซ์ ศรีดอน อายุ 24 ปี หลืออีกคนชื่อนายคิงส์เยาวชน อายุ 17 ปี ส่วนศพพบถูกฆ่าฝังดินและทำเป็นสวนหย่อมปิดปังอำพราง กระทั่งกลายเป็นข่าวที่นำเสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. คณะสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ใน จ.นครศรีธรรมราช ได้เปิดเผยข้อมูลล่าสุดที่น่าตื่นตกใจ หลังได้รับเอกสารยืนยันผลตรวจดีเอ็นเอจากสถาบันนิติเวช รพ.สุราษฏร์ธานี ที่ชันสูตรพลิกศพ และส่งเอกสารมาแล้ว เนื่องจากพบว่า ดีเอ็นเอของ “สามเณรปลื้ม” กับดีเอ็นเอของ นางกัญญา มินกระโทก ซึ่งเป็นมารดาบังเกิดเกล้ากลับไม่ตรงกัน โดยผลดีเอ็นเอนี้ยังถูกส่งให้ตำรวจด้วย สร้างความสับสนมึนงงว่า เหตุใดเรื่องราวถึงกลายเป็นเช่นนี้ อีกทั้งกระบวนการหลายอย่าง ก็ถูกดำเนินไปตามครรลองจนครบถ้วนแล้ว
ซึ่งหนึ่งในคณะสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ ต้องเรียกหารือเรื่องนี้กันอีกครั้งอย่างเร่งด่วน เพื่อหาข้อสรุปและการดำเนินการต่อ ประเด็นหลักที่ต้องพูดคุยเร่งด่วน คือ จากผลตรวจดีเอ็นเอ ทำให้อธิบายได้ 2 แนวทาง คือ 1.ศพดังกล่าวที่ถูกขุดพบต้องไม่ใช่ “สามเณรปลื้ม” ตามมาด้วยคำถามที่ว่า แล้วศพนี้เป็นใคร เช่นเดียวกับสามเณรปลื้มอยู่ไหน ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ และ 2.หากเป็นศพสามเณรปลื้มจริง แล้วเหตุใดแม่แท้ ๆ จึงมีดีเอ็นเอที่ไม่ตรงกัน ขณะเดียวกันตำรวจยังไม่กล้าเปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจนมากนัก แต่ได้ติดต่อเรียกตัว นายชวน เอกเกียรติกุล ผู้เป็นพ่อ มาตรวจดีเอ็นเอยืนยันว่า ตรงกับของ “สามเณรปลื้ม” หรือไม่