หลังจากกรณีเหตุกราดยิงที่นครลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา เมื่อคืนวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น หรือเมื่อช่วงเที่ยงของวานนี้ (2 ตุลาคม) ตามเวลาประเทศไทย ล่าสุดมียอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นถึง 59 ราย บาดเจ็บมากกว่า 500 คน ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจพบอาวุธปืนของผู้ก่อเหตุกว่า 20 กระบอกในห้องพักของโรงแรม
ผู้เสียชีวิตจากเหตุกราดยิงในงานดนตรีคันทรี่กลางแจ้ง บริเวณโรงแรมมัณฑะเลย์ เบย์ นครลาสเวกัส รัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา ล่าสุดเพิ่มสูงขึ้นเป็น 59 ราย บาดเจ็บ 527 คน ทำให้เหตุการณ์ในครั้งนี้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ ซึ่งคนร้ายผู้ก่อเหตุ คือ นายสตีเฟน แพดด็อค อายุ 64 ปี กราดยิงลงมาจากห้องพักในชั้น 32 ของโรงแรมดังกล่าว และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้าไปในห้องพักของ นายแพดด็อค ตัดสินใจยิงตัวตาย
จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่หลังเกิดเหตุพบปืนกว่า 20 กระบอกและกระสุนปืนหลายร้อยนัด และค้อนภายในโรงแรม ซึ่งคาดว่าว่า นายแพดด็อค ใช้ค้อนทุบกระจกหน้าต่างก่อนลงมือกราดยิงอย่างเลือดเย็น อีกทั้งเมื่อไปตรวจสอบที่บ้านพักของ นายแพดด็อค ในเมืองเมสคีต พบปืนอีก 19 กระบอก วัตถุระเบิดและกระสุนหลายพันลูก รวมถึงอุปกรณ์ไฟฟ้าหลายชนิด ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สามารถติดต่อหญิงที่มีชื่อเข้าพักร่วมกับ นายแพดด็อค ได้แล้ว พร้อมระบุว่า เธออยู่ในเขตชนบทของรัฐเนวาดา และเธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าวทว่า นายแพดด็อค ใช้บัตรประจำตัวของเธอจองห้องพักในโรงแรม
ส่วนสาเหตุในการกราดยิงสันนิษฐานว่า นายแพดด็อก ลงมือก่อเหตุเพียงลำพัง แม้จะยังไม่ทราบถึงแรงจูงใจเนื่องจากไม่มีประวัติอาชญากรรมหรือปัญหาทางการเงิน แต่เชื่อว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการก่อการร้ายสากล ซึ่งมีข่าวว่ากลุ่มติดอาวุธไอเอส ออกมาประกาศว่าอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้ พร้อมระบุว่า นายแพดด็อค เพิ่งเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา อีกทั้งเจ้าหน้าที่ยังเปิดเผยอีกว่า ตำรวจรู้จัก นายแพดด็อค เป็นอย่างดีและ นายเบนจามิน ฮอสคินส์ แพดด็อค บิดาของ นายสตีเฟน แพดด็อค เคยมีรายชื่ออยู่ในบัญชีบุคคลที่ทางเอฟบีไอต้องการตัวมากที่สุด อย่างไรก็ตาม พี่ชายของ นายแพดด็อค เปิดเผยว่า เขาและน้องชายไม่เคยพบพ่อมาก่อน และตัวเขาเองรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นอย่างมาก
ด้านประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้กล่าวประณามเหตุการณ์ในครั้งนี้ ระหว่างการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวว่า “เลวบริสุทธิ์” พร้อมชื่นชมเจ้าหน้าที่ที่ไปถึงจุดเกิดเหตุได้อย่างรวดเร็วราวปาฏิหาริย์ โดยนายทรัมป์ จะเดินทางมาที่เกิดเหตุในวันพรุ่งนี้ (4 ตุลาคม) ตามเวลาท้องถิ่น พร้อมสั่งลดธงชาติครึ่งเสาจนถึงเย็นวันที่ 6 ตุลาคม เพื่อไว้อาลัยให้กับเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย
นอกจากนี้ เหล่าบรรดาคนดังหลาย ๆ คนออกมาแสดงความเสียใจผ่านโซเชียลจำนวนมาก นำโดย เจสัน อัลดีน ซึ่งเป็นนักดนตรีแนวคันทรีผู้อยู่บนเวทีตอนเหตุกราดยิงในลาสเวกัส โพสต์ภาพ Pray for Las Vegas ก่อนบรรยายข้อความว่า “คืนนี้ (วันอาทิตย์) มันช่างน่ากลัวยิ่งนัก ผมยังไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเลย แต่อยากที่จะให้ทุกๆ คนรู้ว่าผมกับทีมงานของผมปลอดภัย ผมขอระลึก และอธิษฐานไปยังทุกๆ คนที่เกี่ยวข้องกับเหตุในคืนนี้ หัวใจของผมแสนเจ็บปวดกคับเหตุการณ์นี้ซึ่งทุกๆ คนมาที่นี่เพื่อมีความสุขกับค่ำคืนที่แสนสนุก”
นอกจากนี้ ยังมีนักร้องอย่าง แฮร์รี่ สไตล์ส อดีตสมาชิกวง “วัน ไดเรคชั่น” ทวีตข้อความว่า “ผมสะดุ้งตื่นกับข่าวที่ทำให้หัวใจแตกสลายจากลาสเวกัส ผมขอระลึกถึงทุก ๆ คนและครอบครัวของพวกเขา”
ขณะที่ อาเรียน่า กรันเด้ นักร้องสาวชื่อดังที่เคยเจอเหตุการณ์ระเบิดฆ่าตัวตายในเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา บอกว่า “หัวใจของฉันแตกสลายกับเหตุการณ์ที่ลาสเวกัส เราต้องการความรัก, ความเป็นหนึ่ง, สันติภาพ, การควบคุมอาวุธปืน สำหรับผู้คนที่มองเรื่องนี้และเรียกเหตุการณ์นี้ว่า = การก่อการร้าย”