เจ้าหน้าที่ตำรวจทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช สั่งการชุดสืบสวนเร่งล่า 2 หนุ่มหื่นใช้มีดจี้บังคับเด็กหญิงอายุ 9 ขวบ เนื่องจากมีพฤติกรรมเป็นภัยสังคม
วันนี้ (21 ธ.ค.60) พ.ต.อ.ปรีชา ปัญญาเลิศ ผกก.สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช สั่งให้ชุดสืบสวนทั้งรองผู้กำกับการสอบสวน, สารวัตรสอบสวน และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ติดตามจับกุม 2 คนร้ายก่อเหตุใช้มีดจี้จับตัวเด็กนักเรียนหญิง อายุ 9 ขวบ เมื่อคืนที่ผ่านมา (20 ธ.ค.) โดยกำชับชุดสืบสวนลงพื้นที่สืบสวนหาเบาะแสคนร้าย เพื่อติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีโดยด่วน เนื่องจากคนร้ายมีพฤติกรรมเป็นภัยสังคม สร้างความหวาดกลัวให้กับพ่อแม่-ผู้ปกครองที่ทราบข่าวเป็นอย่างมาก
เหตุการณ์นี้เด็กหญิงวัย 9 ขวบยืนร้องไห้ด้วยความตกใจ โดยมีชาวบ้านคอยพูดคุยปลอบใจเพื่อให้คลายความกลัว หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรทุ่งใหญ่ ไปตรวจสอบเหตุมีเด็กผู้หญิงถูกจับตัวและทำร้ายแต่สามารถดิ้นหลุดวิ่งมาขอความช่วยเหลือที่บ้านพักคนงานในสวนยาง พื้นที่บ้านสวนจีน ต.ท่ายาง อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช โดยเด็กหญิงรายนี้บาดเจ็บมีบาดแผลถลอกปอกเปิกตามร่างกายหลายแห่ง
สอบสวนเด็กหญิงรายนี้ ให้การว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา พ่อและแม่ฝากตัวเองไว้กับคุณตาที่กระท่อมในสวนยางพารา ต่อมามีคนร้ายเป็นผู้ชาย 2 คนสวมเสื้อแขนยาว มีผ้าปิดหน้าขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ทราบสี และยี่ห้อ จอดที่หน้ากระท่อมหลังจากนั้นคนร้ายทั้ง 2 เดินเข้ามาดึงประตูกระท่อมอย่างแรงจนประตูเปิดออกได้ จากนั้นคนร้ายเข้ามาภายในกระท่อมโดยมีอาการคล้ายคนเมายา จึงร้องถามว่ามาทำไม คนร้ายก็ชักมีดออกมาจี้บังคับไม่ให้ตนขัดขืน และค้นในกระเป๋านักเรียนและดึงเอาเชือกไนล่อนสำหรับใช้ในวิชาลูกเสือ มัดมือมัดเท้าจนแน่นหนา ตนเองพยายามจะเรียกให้คุณตาที่นอนป่วยช่วยแต่คนร้ายเอามือปิดปากตนเอาไว้ ซึ่งคาดว่าคุณตาคงไม่ได้ยินเพราะป่วยและนอนอยู่อีกห้องหนึ่ง
จากนั้นคนร้ายคนหนึ่งจึงอุ้มตนเดินออกมาจากกระท่อมและขึ้นซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่เพื่อนอีกคนเป็นคนขับ โดยให้ตนนั่งตรงกลางขับมาเรื่อย ๆ ไปบนถนนภายในสวนยางเป็นระยะทางประมาณ 500 เมตร พร้อมทั้งเอามีดจี้ที่เอวไปตลอดทางและข่มขู่ไม่ให้ตนส่งเสียงดัง ซึ่งระหว่างทางคนร้ายได้ดื่มกินน้ำสีขุ่น ๆ ในขวดพลาสติกคล้าย ๆ น้ำต้มใบกระท่อม ที่บรรดากลุ่มวัยรุ่นละแวกนั้นดื่มกินกัน และยังพูดกันเรียกชื่อกันจนจำได้ว่าชื่อ “นายตั้ม” กับ “นายเบิร์ด” โดยยังพูดคุยกันว่าจะพาไปกรุงเทพ ทำให้ตกใจกลัวและเห็นท่าไม่ดี เมื่อรถถึงบริเวณสวนปาล์ม เห็นว่าเชือกไนล่อนที่มัดจะหลุดอยู่แล้ว ตั้งสติรวบรวมความกล้าใช้หลังและไหล่กระแทกคนที่นั่งซ้อนท้ายด้านหลังอย่างแรงจนพลัดตกจากรถจักรยานยนต์เสียหลักล้มคว่ำ แล้วแก้เชือกที่มัดแขนขาออกวิ่งหนีสุดชีวิตพร้อมร้องตะโกนให้ชาวบ้านช่วยเหลือเสียงดังลั่น ชาวบ้านที่เห็นก็เข้ามาความช่วยเหลือโดยชาวบ้านได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว ส่วน 2 คนร้ายเห็นท่าไม่ดีจึงรีบขี่รถหลบหนีไป
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ติดต่อไปหาพ่อและแม่ของเด็กหญิงเพื่อแจ้งเรื่องนี้ให้ทราบ ทั้งสองตกใจและรีบเดินทางไปรับเด็กหญิงทันที พร้อมให้การว่า ทั้งสองคนมีอาชีพรับจ้างทำงานก่อสร้าง หลังจากโรงเรียนเลิกขับรถไปรับลูกสาวที่โรงเรียนนำมาส่งไว้บ้านซึ่งปลูกอยู่ในสวนยาง เพื่อให้ลูกสาวอยู่กับคุณตาที่ป่วยจะได้ช่วยดูแลตาไปในตัวด้วย ส่วนพวกตนเดินทางไปทำงานต่อโดยทางผู้รับเหมาเร่งให้งานเสร็จจึงต้องทำต่อมนช่วงกลางคืนอีกประมาณ 3 ชั่วโมง จนได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าลูกสาวถูกคนร้ายจี้จับกุมตัวแต่หลบหนีมาได้อย่างหวุดหวิด ก็เลยรีบเดินทางมาพบลูกสาว
จากนั้นรองสารวัตรปราบปรามตำรวจภูธรทุ่งใหญ่ ได้นำเด็กหญิงและพ่อแม่เข้าแจ้งความกับตำรวจและทำการสอบปากคำเบื้องต้น ก่อนจะส่งตัวเด็กไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลทุ่งใหญ่ เนื่องจากมีบาดแผลถลอกตามร่างกายหลายแห่ง หลังจากนั้นพ่อและแม่ของเด็กหญิงรายนี้ได้รับตัวกลับบ้านไปแล้ว
ส่วนเรื่องของคดี เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า คนร้ายน่าจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นเสพยาเสพติดจนเมามายและเกิดอารมณ์ทางเพศ ทราบว่าเด็กอยู่บ้านกับคุณตาจึงชวนกันไปพังประตูใช้มีดจี้อุ้มมาจากในบ้านและพานั่งรถไปยังกระท่อมเพื่อหวังข่มขืนแต่ไม่ประสงค์ต่อทรัพย์ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่พอจะรู้ชื่อคนร้ายที่ก่อเหตุทั้ง 2 คนแล้ว กำลังไล่ล่าติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย คาดว่าคนร้ายทั้ง 2 คนน่าจะเป็นคนในพื้นที่รู้ดีว่าเด็กอยู่กับคุณตาที่ป่วยกัน 2 คน ส่วนพ่อแม่เด็กออกไปรับจ้างก่อสร้าง มักจะกลับเข้ามาตอนดึกเป็นประจำ ทำให้คนร้ายกล้าลงมือก่อเหตุอย่างไม่กลัวกฎหมาย