จากเหตุการณ์นักเรียน 2 สถาบันทะเลาะวิวาทกระทั่งฟันแขนนักเรียนย่านพระโขนงเกือบขาด เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา วันนี้ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. ได้หารือแก้ไขร่วมกับอาจารย์ของ 2 สถาบันดังกล่าว เพื่อแก้ปัญหาที่ สน.พระโขนง โดยการนำประกาศ คสช.ฉบับที่ 30 มาใช้อย่างเข้มงวด หากผู้ปกครองละเลยมีความผิดร่วมด้วย รายละเอียดเป็นอย่างไร ติดตามได้จาก คุณฉัตปณิดาศ์ จันทร์ศิริ ผู้สื่อข่าวไบรท์นิวส์
เมื่อช่วงสายของวันนี้ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เดินทางมาที่ สน.พระโขนง พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชุมหาแนวทางแก้ไขปัญหาเด็กนักเรียนตีกัน ร่วมกับ วิทยาลัยเทคโนโลยีกรุงเทพ และโรงเรียนปทุมคงคา โดยการนำมาตราการประกาศ คสช.ฉบับที่ 30 มาดำเนินการต่อผู้ยุงยงส่งเสริมที่ให้เด็กไปกระทำความผิด โดยมีอัตราโทษจำคุก 3 เดือน ปรับ 3 หมื่นบาท สำหรับผู้ยุยงส่งเสริมแล้วเด็กไปกระทำความผิด จะมีอัตราโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 6 หมื่นบาท รวมทั้งฆ่ากันตาย ต้องจำคุก 1 ปี ปรับ 1 แสนบาท โดยผู้ปกครองต้องคอยสอดส่องพฤติกรรมของเยาวชนในปกครองของตนเอง มิฉะนั้นจะมีความผิดร่วมด้วย ขณะที่ตัวเยาวชนที่อยู่ในการดูแลเอง ก็จะใช้สติยั้งคิดมากขึ้นเมื่อทราบว่าผู้ปกครองจะเดือดร้อนไปด้วย
พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า นักเรียนส่วนใหญ่ที่ตีกัน ไม่เคยเห็นหน้าหรือรู้จักกันมาก่อน แค่เห็นยูนิฟอร์มของสถาบันเท่านั้นก็ทำให้ลงมือทำร้ายกันได้ ซึ่งเหตุนี้มักเกิดจากการที่เยาวชนได้รับค่านิยมที่ผิด เช่น รุ่นพี่หรือแกนนำในโรงเรียนมักทดสอบจิตใจรุ่นน้องโดยการท้าทายให้ไปตีสถาบันอื่นเพื่อทดสอบจิตใจให้เข้ารวมกลุ่มกับเพื่อนได้ โดยหลังจากนี้จะต้องให้ทางสถาบันศึกษาจัดกิจกรรมแบบอย่างที่ดีจากรุ่นพี่ เพื่อละลายพฤติกรรมเดิมที่รุ่นน้องได้รับมาแบบผิด ๆ
ทางด้าน นายเอนก แสงหิรัญ ผอ.วิทยาลัยเทคโนโลยีกรุงเทพ กล่าวว่า ทางมหาวิทยาลัยฯ มีมาตราการกฎระเบียบป้องกันเยาวชนในสถาบันไปก่อเหตุทะเลาะวิวาทกับสถาบันคู่อริอย่างดีอยู่แล้ว ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงเยาวชนบางคนเท่านั้น ซึ่งตามกฎระเบียบแล้วหากทางมหาวิทยาลัย ทราบว่ามีเด็กนักเรียนคนไหนก่อเหตุทะเลาะวิวาทจนทำให้สถาบันเสื่อมเสีย จะต้องถูกไล่ออกจากทางสถานศึกษาทันที
ผบช.น. ชี้แจงว่า เหตุการณ์เด็กนักเรียนฟันกันจนแขนเกือบขาดที่ บริเวณอ่อนนุช ซ.5 นั้น ยังไม่ถึงขั้นต้องสั่งให้ปิดสถาบัน ส่วนการแก้ไขปัญหาเยาวชนตีกันก็จะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นสถานศึกษา ผู้ปกครอง หรือตัวของเยาวชนเอง