จากกรณีกองบังคับการตำรวจปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) นำกำลังเข้าตรวจค้นพร้อมกัน 10 จุดในหลายจังหวัดทั่วประเทศ ตามยุทธการปราบโกงวัดเพื่อจับกุมผู้เกี่ยวข้องเครือข่ายทุจริตเงินอุดหนุนงบประมาณบูรณะและปฏิสังขรณ์วัดของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หลังตรวจพบว่ามีวัดที่ทุจริตเงินบริจาค 12 แห่ง สร้างความเสียหายแก่รัฐสูงถึง 60.5 ล้านบาท วันนี้ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชุมหารือเพื่อประเมินแนวทางการตรวจสอบ
ล่าสุด วันนี้ พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผู้บังคับการตำรวจปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ข้าราชการจากหลายหน่วยงาน อาทิ ปปง. สตง. หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชุมหารือถึงคดีเงินทอนวัดต่าง ๆ 400 วัดทั่วประเทศ
โดย พล.ต.ต.กมล กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ปปป. ได้สืบสวนและสรุปคดีแรกที่ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ในคดีเงินทอนวัด และส่งสำนวนไปให้ ปปช. ไต่สวนแล้ว วันนี้เชิญเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมประชุมบูรณาการความคืบหน้า เพื่อกลุ่มผู้ต้องหากลุ่มใหม่ พร้อมประสาน ปปง. ให้ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน และเส้นทางการเงินผู้ต้องหา สอบสวนถึงใครก็เนินคดีข้อหาฟอกเงินหมด เนื่องจากพบว่ามีการนำเงินที่ทุจริตโยกย้ายถ่ายเทไปบัญชีผู้อื่นหรือนำไปซื้อทรัพย์สินอื่น ๆ แทน จึงต้องบูรณาการหลายหน่วยงาน
ซึ่งขณะนี้ได้ตรวจสอบวัดประมาณ 60-70 แล้ว ยังไม่สามารถตอบได้ว่า วัดไหนทุจริต ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการสืบสวน แต่เจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบวัดทั่งประเทศแน่นอน หลังจากนั้นจะส่งให้ ปปช. ดำเนินการชี้มูลความผิด ส่วนวัดที่เป็นข่าวในพื้นที่ภาคใต้นั้น ทาง ปปป. จะไม่ก้าวล่วง เนื่องจากทาง ปปช. ดำเนินการไปแล้ว หลังจากนี้จะดำเนินสืบสวนขยายผลต่อไป