ผู้ต้องหาหลบหนีศาลโต้ “อัจฉริยะ” ปัดตำรวจมีเอี่ยวช่วยหลบหนีออกจากศาล ส่วนมูลค่าความเสียหายแค่หลักแสนบาท
พ.ต.ท.วิบูลย์ เกตุฉัตร สารวัตรกองกำกับการ 3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 สอบปากคำ นายศราวุธ ตั้งภู่ตระกูล หรือ “อาร์ม” อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงจังหวัดแขวงธนบุรี เลขที่ 368/2561 ลงวันที่้ 24 สิงหาคม 2561 ในข้อหา “หลบหนีไประหว่างที่ถูกคุมขังตามอำนาจพนักงานสอบสวน หรือของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา” หลังเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่าน ต.ฟ้าฮ่าม อ.เมือง จ.เชียงใหม่
ขณะที่ นายศราวุธ เป็นผู้ต้องหาที่มีหมายจับจำนวน 8 ใบทั้งคดีฉ้อโกง และคดียักยอกทรัพย์ มูลค่าความเสียหายหลายแสนบาทโดย นายศราวุธ นั้นเป็นเอเยนต์ขายรถ มักหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินมัดจำซื้อรถ ก่อนที่จะหายไป ทำให้ผู้เสียหายจำนวนมากเข้าแจ้งความตามท้องที่ต่าง ๆทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดจนมีการออกหมายจับ และถูกจับกุมโดยตำรวจ สน.ท่าข้าม ก่อนนำตัวไปขึ้นศาลธนบุรี แต่ นายศราวุธ อาศัยจังหวะช่วงเข้าห้องน้ำหลบหนีออกจากศาลไปได้
ต่อมากลุ่มผู้เสียหายได้เข้าร้องเรียนต่อ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม จน นายอัจฉริยะ ออกมาร้องเรียนผู้บัญชาการตำรวจนครบาลให้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปล่อยปะละเลยให้ นายศราวุธ หลบหนีออกจากศาลไปได้ โดยตั้งข้อสังเกตว่าเจ้าหน้าที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง
ขณะที่ นายศราวุธ เปิดใจให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยยอมรับเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับจริงทั้ง 8 หมาย แต่มูลค่าความเสียหายไม่ได้สูงถึงหลักหลายสิบล้านบาท ตามที่ผู้เสียหายได้ให้ข้อมูลกับ นายอัจฉริยะ โดยแต่ละหมายมีมูลค่าความเสียหายราวหลักหมื่นบาท รวมแล้วความเสียหายประมาณหลักแสนบาทเท่านั้น โดยตนทำธุรกิจเกี่ยวกับการซื้อขายรถยนต์มือสอง แต่เป็นคนติดเล่นพนันฟุตบอล ช่วงแรกก็ใช้เงินส่วนตัวในการเล่น แต่ระยะหลังได้นำเงินของลูกค้าที่โอนมาเป็นค่ามัดจำนำไปเล่นการพนันจนเกิดความเสียหายขึ้น
ส่วนที่ตัดสินใจหนีออกจากศาลหลังคดีถูกตัดสิน เพราะตกใจและตั้งตัวไม่ถูกไม่คิดว่าจะต้องถูกจับกุม และตนก็มีภาระต้องดูแลแม่และลูก จึงอาศัยจังหวะที่ขออนุญาตเข้าห้องน้ำหลบหนี โดยที่ตำรวจไม่ทันสังเกตเพราะตนเองสวมเสื้อนอกไม่ได้สวมเสื้อผ้าของผู้ต้องหา จากนั้นหลังหลบหนีออกจากศาลก็ขึ้นรถแท็กซี่ แล้วหลบไปพักตามโรงแรมต่างๆในพื้นที่กรุงเทพ ก่อนจะเดินทางมายังจังหวัดเชียงใหม่ และโทรศัพท์แจ้งพี่สาวให้ช่วยนำเงินเคลียร์ให้ผู้เสียหาย ล่าสุดสามารถเคลียร์กับผู้เสียหายได้แล้วประมาณ 3 – 4 ราย โดยตั้งใจว่าหลังเคลียร์เงินให้ผู้เสียหายได้ครบทุกรายก็จะเข้ามอบตัว แต่ก็มาถูกจับกุมได้เสียก่อน
นายศราวุธ ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการช่วยเหลือให้หลบหนีออกจากศาลได้ตามที่เป็นข่าว และข้อมูลที่มีการเผยแพร่ตามสื่อบางส่วนไม่เป็นความจริง จึงอยากขอความเป็นธรรมให้กับตนเองด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าหลังการสอบสวนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดต่อให้ตำรวจ สน.ท่าข้าม มารับตัวไปดำเนินคดีที่ศาลธนบุรีตามกฎหมายต่อไป