ล่าผัวหึงโหด! ลากอดีตเมียสมาชิกอบต.สระกระเทียม จ.นครปฐม ก่อนชักปืน .38 จ่อยิงเข้าที่ศีรษะเสียชีวิตต่อหน้าหลานชายวัย 10 ขวบก่อนวิ่งหลบหนีไป ด้านลูกชายเผยพ่อชอบทำร้ายแม่และน้องสาวและมีพฤติกรรมเสพยาจนคลุ้มคลั่ง
เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรเมืองนครปฐม จ.นครปฐม และหน่วยกู้ภัย ไปตรวจสอบเหตุคนถูกอาวุธปืนยิงเสียชีวิตภายในบ้านพักทรงไทยโบราณ 2 ชั้นพื้นที่หมู่ 12 ต.สระกะเทียม อ.เมืองนครปฐม โดยที่เกิดเหตุพบศพ น.ส.เตือนตา กระดังงา อายุ 53 ปี สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลสระกระเทียม อ.เมืองนครปฐม เสียชีวิตในสภาพนอนตะแคงข้างจมกองเลือด จากการถูกกระสุนปืนขนาด .38 ยิงเข้าที่ศีรษะ 1 นัด จากการสอบถามทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายนำพล เวียงชัย อายุ 50 ปี สามีของ นางเตือนตา เป็นผู้ลงมือสังหารซึ่งหลังก่อเหตุได้วิ่งหลบหนีไป
ด้าน ด.ช.ภู (นามสมมติ) อายุ 10 ขวบ หลานชายของผู้ตาย ให้การกับเจ้าหน้าที่ว่า ก่อนเกิดเหตุยืนอยู่ในบ้านใกล้ ๆ กับเตียงที่ทวดวัย 90 ปีที่ป่วยเป็นอัมพฤกษ์นอนกางมุ้งอยู่ จู่ ๆ นายนำพล เดินปรี่เข้ามาในห้องนอนของ น.ส.เตือนตา แล้วลากออกมานอกห้อง น.ส.เตือนตา ร้องโวยวายว่าไม่ไป-ไม่อยากไปแต่ นายกัมพล ไม่ฟังจึงตัดสินใจชักอาวุธปืน .38 ขึ้นจ่อยิงเข้าศีรษะ น.ส.เตือนตา เสียชีวิตทันที ด้วยความตกใจกลัวรีบวิ่งหนีออกทางหลังบ้านเพราะกลัวว่า นายนำพล จะยิงตนเองด้วย ส่วนผู้ก่อเหตุวิ่งออกไปทางหน้าบ้านหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ขณะเดียวกัน นายตีทเศศ กระดังงา อายุ 23 ปี ลูกชายของ น.ส.เตือนตา และ นายนำพล เปิดเผยว่า พ่อมีพฤติกรรมเสพยา คลุ้มคลั่งและควบคุมตัวเองไม่ได้ ชอบทำร้ายร่างกายแม่และน้องสาว ขณะนี้ได้เลิกรากันแล้วประมาณ 2 ปี ทว่าเดือน พ.ย.60 ที่ผ่านมา พ่อมีอาการคลุ้มคลั่งหนักทำร้ายร่างกายแม่จนซี่โครงหัก ส่วนน้องสาวจะถูกพ่อเอามีดจี้จ่อที่คอเป็นประจำ ทุกวันนี้อยู่ด้วยความหวาดระแวง กลัวว่าแม่และน้องสาวจะได้รับอันตราย จึงให้มาอาศัยอยู่ที่บ้านยายหลังที่เกิดเหตุ ซึ่งห่างจากบ้านพักเดิมเพียง 200 เมตรเท่านั้น แต่ก็ไม่ปลอดภัยเพราะคราวนี้พ่อเข้ามาทำร้ายจนเสียชีวิต สำหรับอาวุธปืนที่พ่อนำมาก่อเหตุนั้นขโมยมาจากบ้านญาติ สาเหตุส่วนใหญ่มาจากเรื่องหึงหวงแม่เพราะเข้าใจผิดคิดว่าแม่มีสามีใหม่ จะคอยอาละวาดตามราวีไม่เลิก และชอบขู่ฆ่า ทุกวันนี้อยู่ด้วยความหวาดระแวงเพราะอาการคลุ้มคลั่งจากการเสพยาของพ่อ
สำหรับประวัติของ นายนำพล มีหมายจับของศาลจังหวัดนครปฐม ในข้อกล่าวหาบุกรุกเคหะสถานโดยใช้กำลังประทุษร้าย ข่มขืนใจโดยมีอาวุธ กักขังหน่วงเหนี่ยวและทำร้ายร่างกายและลักทรัพย์ ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ออกตระเวนติดตามตัวคนร้าย ซึ่งคาดว่าหลบหนีอยู่ในละแวกที่เกิดเหตุเพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป