มาดูเรื่องราวเตือนภัยในโซเชียลมีเดีย เมื่อหนุ่มแสบใช้เฟซบุ๊กหลอกแรงงานไทยชาวโคราชรวม 8 คนว่าจะพาไปทำงานที่เกาหลีใต้ สุดท้ายเชิดเงินหนีนับแสนบาท
เจ้าหน้าที่สำนักงานจัดหางาน จ.นครราชสีมา พร้อมคณะ ไปตรวจสอบกลุ่มแรงงานชาวไทย 8 คนที่ถูกมิจฉาชีพใช้เฟซบุ๊กหลอกลวงว่าจะช่วยให้ไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ จนเสียทรัพย์สินกว่า 140,000 บาท ในพื้นที่บ้านสองห้อง ตำบลตลาดไทร อำเภอชุมพวง โดยรวบรวมเอกสารหลักฐานของการหลอกลวง อาทิ บัญชีธนาคารผู้รับโอนเงิน, หน้าเฟซบุ๊กมิจฉาชีพ, สลิปโอนเงิน, ข้อความแชท และเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรชุมพวง เร่งสืบสวนหามิจฉาชีพรายนี้มาดำเนินคดี
นางบุญเลิศ อาจดี อายุ 36 ปี หนึ่งในผู้ที่ได้รับความเสียหายในครั้งนี้ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเดือนธันวาคม 2560 ที่ผ่านมา ตนเองได้เข้าไปพบข้อมูลในเฟชบุ๊คของชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่มีข้อความโฆษณาชวนเชื่อว่าสามารถช่วยให้คนว่างงาน เดินทางไปทำงานด้านการเกษตรที่ประเทศเกาหลีใต้ ประกอบกับตนเองกำลังหางานทำอยู่ จึงรู้สึกสนใจและลองติดต่อทางเฟซบุ๊กดู จนได้มีการทักแชทคุยกัน จึงตกลงว่าจะต้องไปทำพาสปอร์ตส่งไปให้เขา พร้อมกับเอกสารต่าง ๆ เพื่อที่จะจองตั๋วเครื่องบินให้ โดยตกลงราคาค่าดำเนินการและค่าตั๋วเครื่องบินไป คนละ 17,000 บาท จึงทำให้ตนรีบไปกู้ยืมเงินนอกระบบและนำที่นาไปจำนองไว้เพื่อเอาเงินมาใช้ในการเดินทาง ต่อมามีญาติและเพื่อนบ้านอีก 7 คนหลงเชื่อโอนเงินไปให้หนุ่มรายนี้รวมทั้งสิ้นกว่า 1 แสน 4 หมื่นบาท จากนั้นได้นัดเวลาเดินทางไปขึ้นเครื่องบินที่สนามบินสุวรรณภูมิในวันที่ 15 ธันวาคม ที่ผ่านมา แต่เมื่อใกล้เดินทาง นายก้องภพ ปิดเฟซบุ๊กหนีจึงไม่สามารถติดต่อได้ และรู้ว่าโดนมิจฉาชีพหลอกลวงเสียแล้วจึงเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรชุมพวง เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2560 เพื่อให้อายัดบัญชีธนาคารไว้พร้อมกับให้สืบสวนหาตัวคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว
ด้าน นางสาวกนกพร ฉลอยฉิม อายุ 24 ปี ผู้เสียหายอีกราย บอกว่า เป็นพนักงานโรงงานแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ แต่ด้วยความจนบังคับจึงอยากหางานใหม่ที่มีรายได้เพิ่มขึ้น เพื่อต้องการนำเงินมาสร้างบ้านให้แม่อยู่อาศัย พอได้ยินข่าวจากญาติจึงรู้สึกสนใจ และนำสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 2 บาท ไปขายเพื่อเอาเงินมาใช้เป็นค่าเดินทาง แต่เมื่อใกล้จะเดินทางจึงรู้ว่าถูกหลอกทำให้เสียใจมาก เพราะเสียเงินเสียทองไปแล้ว หลังจากนี้ก็จะระมัดระวังตัวมากขึ้น
ขณะที่ นางนิธิอร บุญญานุสิทธิ์ เจ้าหน้าที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า คดีแรงงานไทยถูกหลอกไปทำงานต่างประเทศลักษณะนี้มีให้เห็นบ่อยครั้ง ซึ่งทุกวันนี้ใช้ซเชียลมีเดียเพื่อปลอมแปลงชื่อ ที่อยู่ อาชีพ ให้ดูน่าเชื่อถือ แต่สุดท้ายเมื่อหลอกเหยื่อได้เงินมาก็จะปิดโซเชียลหนีไปอย่างลอยนวล พร้อมฝากเตือนแรงงานไทยที่อยากจะไปทำงานในต่างประเทศ ควรตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ ว่าบุคคล หรือหน่วยงานนั้น ๆ ได้รับการรับรองจากกรมจัดหางานหรือไม่ หรือสอบถามที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกแห่ง