เมื่อวานนี้ หญิงวัย 62 ปีพร้อมด้วยน้องสาว ควงมีดอีโต้บุกศาลปกครองขู้ทำร้ายตัวเอง และที่ทำให้คนตกอกตกใจก็คือตามตัวโชกไปด้วยสีแดงคล้ายเลือด เพื่อมาประท้วงขอความเป็นธรรมในคดี ฟ้องร้องเจ้าหน้าที่รัฐที่ปล่อยปละละเลย ให้โรงงานกลึงโลหะแห่งหนึ่งปล่อยน้ำเสียใกล้กับที่ดินของนางสมจิตรที่อยู่ติดกัน วันนี้ทีมข่าวลงพิ้นที่ เพื่อหาสาเหตุของปมที่ทำให้ป้าสมจิตร คับแค้นใจถึงขนาดนี้
เหตุกาณ์ที่ป้าสมจิตร สืบวงศ์นิรัตน์ อายุ 62 ปี ใช้มีดอีโต้ขู่จะทำร้ายร่างกายตัวเอง พร้อมกับที่ตามร่างกายเปรอะเปื้อนไปด้วยของเหลวสีแดงลักษณะคล้ายเลือดทั่วตัว เพื่อประท้วงขอความเป็นธรรมในคดีเกี่ยวกับการฟ้องร้องเจ้าหน้าที่รัฐที่ปล่อยปละละเลย ให้โรงงานกลึงโลหะแห่งหนึ่ง ย่านจอมทองกับที่ดินของนางสมจิตรที่อยู่ติดกัน ปล่อยน้ำเสียและสร้างมลภาวะ ซึ่งกำลังอยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาลปกครอง
เพดานปูนที่หลุดร่อนจนเห็นเส้นกับรอยร้าวที่มีอยู่ทั่วบ้าน จนไม่มีใครกล้าขึ้นไปอยู่อาศัยบนชั้นสองของบ้าน ป้าสมจิตรบอกว่า เป็นผลจากการเข้ามาของรถบรรทุกขนาดใหญ่ ของโรงงานกลึงโลหะที่อยู่หลังบ้าน
ส่วนโรงงานกลึงโลหะ ซึ่งเป็นคู่กรณีกับป้าสมจิตร ในซอยจอมทอง 14 ซึ่งอยู่ติดกันกับบ้านของป้าสมจิตร ป้าพยายามชี้ให้ดูน้ำสีดำปนคราบมันที่ถูกปล่อยลงมาในท่อระบายน้ำและเอ่อท้นท่อขึ้นมา ป้าเล่าว่านอกจากน้ำเสียแล้ว ยังมีเรื่องของกลิ่นเหม็นในกระบวนการผลิต ซึ่งป้า ยืนยันว่าย่านนี้เป็นชุมชนที่อยู่อาศัย และอยู่ห่างจากบ้านสองป้าไปประมาณ 60-70 เมตร
นี่คือ จุดเริ่มต้นของการร้องไปทางสำนักงานเขต รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงนำไปสู่การร้องเรียน และเมื่อปัญหาก็ยังไม่หมดไป ป้าจิตรและน้องสาว จึงฟ้องต่อศาลปกครองกลาง ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐ 3 หน่วยงาน ได้แก่ ผอ.เขตจอมทอง ผู้ว่า กทม. และกรมโรงงานอุตสาหกรรม ในฐานที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ปล่อยปละละเลย ให้โรงงานกลึงโลหะแห่งหนึ่งปล่อยน้ำเสียใกล้กับที่ดินของเธอที่อยู่ติดกัน และก่อนหน้านี้ มีเจ้าหน้าที่ของเขตจอมทองใเป็นพยานให้กับเจ้าของโรงงานคู่กรณี ในคดีอาญาฟ้องป้าสมจิตร ฐานแจ้งความเท็จกับเจ้าหน้าที่ ในเรื่อง โรงงานนำรถเข้าออก เฉี่ยวชนบ้านป้าสมจิตรจนได้รับความเสียหาย
แต่ฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ป้าสมจิตร มาพร้อมกับมีดอีโต้และเลือดหมูที่นำมาราดจนโชกตัว เพื่อประท้วงพร้อมกับร้องของความยุติธรรมที่หน้าศาลปกครอง ก็คือ ในคดีที่ป้าร้องเจ้าหน้าที่รัฐได้ปรากฎว่า มีการเพิ่มรายชื่อผู้ร้องสอด ขึ้นมาและคนนั้นคือเจ้าของโรงงานซึ่งเป็นคู่กรณีกัน จึงทำให้ป้าเชื่อว่าเธอจะไม่ได้รับเป็นธรรมในการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐ
แต่ความเชื่อของป้าสมจิตรวันนี้ คือเธอไม่ได้รับความเป็นธรรม ชั่วโมงนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ป้าก็ยืนยันว่าจะสู้ให้ถึงที่สุด