กล้องวงจรปิดจับภาพแก๊งค้ายาบ้าสุดเหิมขับรถปาดหน้าก่อนฉุดสาวไปเรียกค่าไถ่หน้าจวนผู้ว่าฯกาฬสินธุ์ ตำรวจตามรวบได้แล้ว 3 คน และของกลางยาบ้า พร้อมส่งชุดสืบสวนไล่ล่า 2 คน เผยเหยื่อพยายามขับรถหนีเข้าจวนเพื่อขอความช่วยเหลือแต่ไม่ทัน
ภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกเหตุการณ์บริเวณถนนข้างโรงแรมสุภัคโฮเต็ล หน้าจวนผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ เห็นรถเก๋งยี่ห้อเชฟโรเลต สีเทา ขับตามเข้ามาปาดหน้ารถเก๋งของ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 26 ปี ซึ่งมากับเพื่อนชายอีก 2 คน และนั่งอยู่เบาะข้างคนขับ ก่อนที่จะมีชาย 2 คน สวมเสื้อสีแดง คนหนึ่งถือมีดยาวประมาณ 1 ฟุต พยายามลงทำทำร้ายเหยื่อ และกระโดถีบกระจกรถ จากนั้นได้มีรถกระบะอีซูซุ สีแดง 4 ประตู ขับตามมาสมทบก่อนที่จะมีชาย 1 คน ลงมากระชากผม น.ส.เอ แล้วนำไปขึ้นรถกระบะขับหลบหนีไป และนำตัว น.ส.เอ ไปกักขังไว้ที่โกดังร้างข้างถนนทางเข้าตัว อ.ดอนจาน จ.กาฬสินธุ์ และโทรศัพท์ไปหาพ่อ แม่ และญาติของ น.ส.เอ เพื่อให้นำเงินมาไถ่ตัวจำนวน 350,000 บาท เพื่อแลกกับการไถ่ตัว ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 4 ทุ่ม ของคืนวันที่ 10 ก.ค. ที่ผ่านมา
หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ เร่งแกะรอยเร่งติดตามคนร้าย กระทั่งสามารถติดตามตัว น.ส.เอ กลับคืนมาได้อย่างปลอดภัย และจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ขับรถเก๋งได้ 3 คน คือ นายมานะศักดิ์ อุดมพันธ์ หรือเปรี้ยว อายุ 23 ปี, นายสุรศักดิ์ จันทร์เพ็ง หรือ แป๋ม อายุ 20 ปี และนายธนารัตน์ ภูโชคชัย หรือ โชค อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18 ม.8 ต.อุ่มเม่า อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ และขยายผลตรวจยึดยาบ้าได้จำนวนหนึ่งที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน จ.มหาสารคาม ซึ่งผู้ต้องหาไปเปิดไว้เป็นจุดพักยา ก่อนจะควบคุมตัวมาแถลงข่าวกับสื่อมวลชนเมื่อเย็นวานนี้ (11 ก.ค.61)
พร้อมนำเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ เข้าตรวจสอบรถเก๋งเชฟโลเล็ต สีเทา และรถกระบะอีซูซุ สีแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ซึ่งเป็นรถที่ใช้ในการก่อเหตุ และรถเก๋งโตโยต้าอัลติส สีเทา ซึ่งเป็นรถของ น.ส.เอ โดยคดีดังกล่าวเป็นการก่อเหตุที่อุกอาจในกลางเมืองโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย ซึ่งกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพขณะก่อเหตุไว้ได้อย่างชัดเจน และมีพลเมืองดีสามารถถ่ายภาพขณะกลุ่มคนร้ายก่อเหตุได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม จากการสอบถาม น.ส.เอ เบื้องต้น ขณะนั้นตนและเพื่อนพยายามขับรถหนีกลุ่มคนร้ายไปจะเข้าไปขอความช่วยเหลือในจวนผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ และจะเข้าไปที่โรงพัก แต่ถูกกลุ่มคนร้ายขัดรถปาดหน้าจนเสียหลักก่อน
พ.ต.อ.ธีรพัฒน์ ธารีไทย ผู้กำกับการ (สืบสวน) ตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 3 คนให้การรับสารภาพว่า เป็นคนก่อเหตุในภาพกล้องวงจรปิดจริง โดยร่วมกับเพื่อนอีก 2 คนที่กำลังหลบหนี ส่วนสาเหตุที่ฉุด น.ส.เอ ไปเรียกค่าไถ่เพราะต้องการทวงเงินจำนวน 350,000 บาท ที่ น.ส.เอ ติดค้างค่ายาบ้า ซึ่งที่ผ่ามาพยายามทวงหลายครั้งแต่ก็บ่ายเบี่ยงตลอด จึงต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด โดยการฉุดตัวขึ้นรถดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และกักขังหน่วงเหนี่ยว พร้อมทั้งเร่งขยายผลและติดตามตัวคนร้ายที่ขับรถกระบะอีซูซุที่ร่วมกันก่อเหตุอีก 2 คนต่อไป
ด้าน นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวถือว่าเป็นการก่อเหตุที่อุกอาจโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย ถึงแม้ว่าแก๊งค้ายาเสพติดที่เหิมแค่ไหน เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองก็จะไม่ปล่อยแก๊งเหล่านี้ไป ซึ่งจะต้องตามกวาดล้างเครือข่ายค้ายาเสพติดเหล่าหนีให้หมดตาม “ยุทธการฟ้าแดดสงยาง”