นิด้าโพล เผยผลสำรวจพบประชาชนส่วนใหญ่ มองโครงการ ชิมช้อปใช้ เฟส2 กติกายุ่งยากซับซ้อน เปลืองงบประมาณ และไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง
เมื่อวันที่ 3 พ.ย. ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “ชิมช้อปใช้เฟส 2 ถูกใจหรือไม่” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 30 ต.ค. – 1 พ.ย. 2562 เกี่ยวกับโครงการ “ชิมช้อปใช้” เฟสที่ 2 สนับสนุนวงเงินคนละ 1,000 บาท ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”
จากการสำรวจเมื่อถามประชาชนถึงการลงทะเบียน โครงการ “ชิมช้อปใช้” เฟส 2 พบว่าส่วนใหญ่ 39.97% ระบุว่า จะไม่ลงทะเบียน เพราะ ระบบและขั้นตอนการลงทะเบียนที่ยุ่งยากซับซ้อน โทรศัพท์ที่ใช้ไม่รองรับแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ขณะที่บางส่วนระบุว่า ไม่มีเวลา/ไม่สะดวกเดินทางไปใช้จังหวัดอื่น และไม่สนใจ/ไม่ชอบโครงการนี้ รองลงมา 32.54% ระบุว่า ลงทะเบียนไม่ทัน/ไม่สำเร็จ เพราะการเข้าลงทะเบียน มีระยะเวลานาน ยุ่งยาก ขณะที่บางส่วนระบุว่า ขั้นตอนการลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ไม่ค่อยเสถียร ถ่ายรูปไม่ผ่านทำให้ลงทะเบียนไม่สำเร็จ 22.20% ระบุว่า ได้ลงทะเบียนเฟส 1 แล้ว และ 5.29% ระบุว่า ได้ลงทะเบียนเฟส 2 แล้ว ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับผลโครงการ “ชิมช้อปใช้” เฟส 1 พบว่า 58.37% ระบุว่า จะไม่ลงทะเบียน รองลงมา 25.61% ระบุว่า ได้ลงทะเบียนแล้ว และ 16.02% ระบุว่า กำลังจะลงทะเบียน
ด้านความคิดเห็นของประชาชนต่อโครงการ “ชิมช้อปใช้” พบว่า ส่วนใหญ่ 26.70% ระบุว่า ระบบและกติกาการใช้จ่ายยุ่งยากซับซ้อนเกินไป รองลงมา 26.62% ระบุว่า เปลืองงบประมาณ ไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง 26.15% ระบุว่า ประชาชนได้ประโยชน์จากโครงการนี้ 24.33% ระบุว่า เป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ดี 19.43% ระบุว่า เป็นมาตรการเลือกปฏิบัติเฉพาะกลุ่ม 15.32% ระบุว่า พ่อค้านายทุนได้ประโยชน์จากโครงการนี้ 8.85% ระบุว่า เป็นโครงการทำให้คนได้ออกไปเที่ยว ชิมช้อปใช้ กับครอบครัว 4.19% ระบุว่า เป็นโครงการประชานิยม หาเสียงกับชนชั้นกลาง 2.92% ระบุว่า สร้างความเท่าเทียมกัน เมื่อคนจนได้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คนชั้นกลางก็ได้ “ชิมช้อปใช้” 1.42% ระบุว่า ระบบของร้านค้า/ห้าง ยังไม่มีประสิทธิภาพทำให้เกิดปัญหาการใช้เงินจากโครงการ 0.71% ระบุว่า ระบบและกติกาการใช้จ่ายทำให้สามารถควบคุมการใช้จ่ายให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการ 0.39% ระบุว่า ระบบของธนาคารกรุงไทยยังไม่มีประสิทธิภาพทำให้เกิดปัญหาการใช้เงินจากโครงการ 3.16% ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ในขณะที่ผลโครงการ “ชิมช้อปใช้” เฟส 1 พบว่า ส่วนใหญ่ 27.36% ระบุว่า เปลืองงบประมาณไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง รองลงมา 27.28% ระบุว่า เป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ดี 25.54% ระบุว่า ระบบและกติกา การใช้จ่ายยุ่งยากซับซ้อนเกินไป 19.59% ระบุว่า ประชาชนได้ประโยชน์จากโครงการนี้ 13.80% ระบุว่า พ่อค้า นายทุนได้ประโยชน์จากโครงการนี้ 13.72% ระบุว่า เป็นมาตรการเลือกปฏิบัติเฉพาะกลุ่ม 8.96% ระบุว่า เป็นโครงการทำให้คนได้ออกไปเที่ยว ชิมช้อปใช้ กับครอบครัว 8.09% ระบุว่า เป็นโครงการประชานิยม หาเสียงกับชนชั้นกลาง 3.17% ระบุว่า ระบบของร้านค้า/ห้าง ยังไม่มีประสิทธิภาพทำให้เกิดปัญหาการใช้เงิน จากโครงการ 2.78% ระบุว่า สร้างความเท่าเทียมกัน เมื่อคนจนได้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คนชั้นกลางก็ได้ “ชิมช้อปใช้” 2.54% ระบุว่า ระบบของธนาคารกรุงไทยยังไม่มีประสิทธิภาพทำให้เกิดปัญหาการใช้เงินจากโครงการ 1.35% ระบุว่า ระบบและกติกาการใช้จ่ายทำให้สามารถควบคุมการใช้จ่ายให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการ และ 6.26% ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
เมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อภาพรวมโครงการ “ชิมช้อปใช้” พบว่า 22.43% ระบุว่า เห็นด้วยมาก 25.51% ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย 19.67% ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย 30.97% ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย และ 1.42% ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ สำหรับผลโครงการ “ชิมช้อปใช้” เฟส 1 พบว่า 22.60% ระบุว่า เห็นด้วยมาก 25.62% ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย 21.09% ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย 28.95% ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย และ 1.74% ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ท้ายที่สุด เมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนต่อการดำเนินโครงการ “ชิมช้อปใช้” ของรัฐบาล พบว่า ส่วนใหญ่ 40.36% ระบุว่า ปรับปรุงโครงการให้ดีขึ้น เช่น ปรับปรุงระบบและขั้นตอนการลงทะเบียนให้ง่ายขึ้น ผู้สูงอายุก็สามารถทำเองได้ด้วยตนเอง หรือมีการลงทะเบียนที่ธนาคารกรุงไทย มีช่วงเวลาในการลงทะเบียนที่ชัดเจน ให้สิทธิกับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ใช้สิทธิได้ทุกที่ ทุกจังหวัด และอยากให้เพิ่มวงเงินเพิ่มร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ รองลงมา 33.65% ระบุว่า ยกเลิกโครงการ 20.62% ระบุว่า ดำเนินโครงการต่อไป และ 5.37% ระบุว่าไม่ตอบ/ไม่สนใจ