วัคซีนของจีน — เว็บไซต์เดลี่เมล์ของอังกฤษได้รายงานว่า บรรดานักวิทยาศาสตร์ได้เตือนว่าประเทศที่พึ่งพาวัคซีนที่ผลิตจากจีนจะมีความเสี่ยงที่จะพบการแพร่ระบาดของโควิค19 ในอนาคต โดยเดลี่เมล์ได้ยกตัวอย่างกรณีของประเทศชิลี ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด19 โคโรนาแวค ของบริษัทซิโนแวคของจีนเป็นหลัก และจากผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยชิลีพบว่า วัคซีนดังกล่าวมีประสิทธิภาพการป้องกันเพียง 3 เปอร์เซ็นต์ หลังจากฉีดโดสแรก และวัคซีนจะเพิ่มประสิทธิภาพเป็น 56.5 เปอร์เซ็นต์ หลังฉีดวัคซีนโดสที่ 2 ในอีก 2 สัปดาห์ต่อมา และจนถึงขณะนี้ชิลีได้ฉีดวัคซีนให้กับประชาชนถึง 1 ใน 3 แล้ว แต่ก็ยังคงมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า นับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนก.พ. ที่ผ่านมา ขณะที่ผลการศึกษาในบราซิลยังพบว่าวัคซีนของบริษัทซิโนแวคมีประสิทธิภาพในการป้องกันต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์
ชายสหรัฐฯมีอาการแพ้รุนแรง ผื่นแดง-ผิวหนังหลุดลอก หลังฉีด วัคซีนโควิด19
ด้านศาสตราจารย์เอียน โจนส์ จากมหาวิทยาลัยรี้ดดิ่งของอังกฤษระบุว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในชิลีถือเป็นสัญญาเตือนไปทั่วโลกว่าวัคซีนที่ผลิตจากจีนอ่อนประสิทธิภาพในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด19 แม้ว่าวัคซีนจะผ่านทางการทดสอบเรื่องการสร้างภูมิคุ้มกันมาแล้วก็ตาม
ในเวลานี้ มีอย่างน้อย 53 ประเทศที่สั่งวัคซีนจากจีนมาใช้ โดยส่วนใหญ่ประเทศเหล่านี้เป็นประเทศกำลังพัฒนา ในอเมริกาใต้ แอฟริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากวัคซีนของจีนมีราคาถูก และเก็บรักษาได้ง่าย ซึ่งประเทศนี้ก็มักไม่มีเครื่องมือ หรืออุปกรณ์พิเศษในการเก็บรักษาวัคซีนในที่เย็นจัด
สาวสหรัฐ วัย 28ปี ดับปริศนา! หลังฉีด วัคซีนโควิด ได้เพียง 2 วัน
สื่อนอกรายงานไทยเดินหน้าฉีดวัคซีนของ แอสตราเซเนกา แม้หลายประเทศในยุโรปสั่งระงับ
ขณะเดียวกันวัคซีนของซิโนแวคถือว่ามีประสิทธิภาพป้องกันต่ำเมื่อเทียบกับวัคซีนของไฟเซอร์ และโมเดอร์นา ที่มีประสิทธิภาพถึง 95 และ 94 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ ส่วนวัคซีนของแอสตราเซเนกามีประสิทธิภาพราว 79 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่วัคซีนของบริษัทซิโนฟาร์ม ซึ่งเป็นวัคซีนของจีนบริษัทมีประสิทธิภาพดีกว่าวัคซีนของซิโนแวคเล็กน้อย โดยมีประสิทธิภาพป้องกัน 73 เปอร์เซ็นต์ ส่วนวัคซีนของซิโนแวคมีประสิทธิภาพป้องกันที่ 56.50 เปอร์เซ็นต์