นายกรัฐมนตรีฌอง กาส์เท็กซ์ของฝรั่งเศสระบุว่า จะมีการออกมาตรการบังคับให้ประชาชนต้องใส่ หน้ากากอนามัย เมื่ออยู่ในที่สาธารณะ เพื่อเป็นการป้องกันโควิด19 แพร่ระบาดระลอกใหม่ โดยนายกรัฐมนตรีของฝรั่งเศสระบุว่าการใส่หน้ากากอนามัยเป็นวิธีป้องกันโควิด19 ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งมาตรการบังคับใส่หน้ากากในที่สาธารณะจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค. 63 นี้เป็นต้นไป
ก่อนหน้านี้ ฝรั่งเศสมีมาตรการให้ประชาชนใส่หน้ากากอนามัย เมื่อใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะ อย่างรถโดยสาร รถไฟใต้ดิน ไปจนถึงร้านค้า ร้านอาหาร และซูเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอย่างพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ดิสนี่ย์แลนด์ ปารีสและหอไอเฟล หลังรัฐบาลเริ่มคลายมาตรการล็อคดาวน์ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 63 ที่ผ่านมา โดยผู้ที่ฝ่าฝืนจะถูกลงโทษด้วยการปรับเงิน
ขณะเดียวกระทรวงสาธารณสุขของฝรั่งเศส ยังคงแนะนำให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด19 แพร่ระบาดอย่างเคร่งครัด ทั้งการใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือเป็นประจำ และการเว้นระยะห่างทางสังคม
ทั้งนี้ ฝรั่งเศสถือเป็นประเทศหนึ่ง ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด19 รุนแรงที่สุดในยุโรป โดยขณะนี้ฝรั่งเศสมีผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 210,000 คน และเสียชีวิตแล้ว 30,120 ราย