วันที่ 31 ก.ค. 63 บริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ประกาศวันนี้ผ่านวารสาร Nature ว่า วัคซีนทดลองตัวหลักในการศึกษาวิจัยขั้นพรีคลินิกของบริษัทสามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคโควิด-19 โดยงานวิจัยชี้ว่าวัคซีนที่อยู่ระหว่างการศึกษาวิจัยของบริษัทซึ่งใช้อะดิโนไวรัสเซโรไทป์ 26 (Ad26) เป็นตัวนำพา สามารถก่อให้เกิดปฏิกิริยาตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่ง โดยสร้าง “แอนติบอดีที่มีฤทธิ์ลบล้าง” ซึ่งสามารถป้องกันการติดเชื้อและสร้างภูมิคุ้มกันจากไวรัสในปอดอย่างสมบูรณ์หรือเกือบสมบูรณ์ได้สำเร็จในสัตว์ตระกูลวานรที่ไม่ใช่มนุษย์ ในการวิจัยขั้นพรีคลินิก ด้วยผลการศึกษาดังกล่าว การทดลองทางคลินิกระยะ 1/2a ซึ่งมีการทดลองในมนุษย์เป็นครั้งแรกโดยใช้วัคซีนทดลอง Ad26.COV2.S ในอาสาสมัครที่มีสุขภาพดีได้เริ่มต้นขึ้นแล้วในสหรัฐและเบลเยียม
ทั่วโลกเตรียมเฮ บิล เกตส์ แง้ม วัคซีนป้องกันโควิด มิ.ย.ปีหน้า มาแน่!
รัสเซีย หวัง วัคซีนต้านโควิด ได้ใช้ฤดูใบไม้ร่วงนี้ มั่นใจ เป็นที่ต้องการของทั่วโลก
นายแพทย์พอล สตอฟเฟิลส์ รองประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิทยาศาสตร์ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน กล่าวว่า ข้อมูลในการศึกษาขั้นพรีคลินิก ชี้ให้เห็นว่าวัคซีนทดลอง SARS-CoV-2 ทำให้เกิดการตอบสนองด้วยแอนติบอดีที่แข็งแกร่งและสามารถป้องกันโรคหลังจากการให้วัคซีนเพียงโดสเดียว ข้อค้นพบนี้ทำให้เรามีความมั่นใจในการพัฒนาวัคซีนและขยายปริมาณการผลิตต่อไป โดยทีมวิจัยได้เริ่มการทดลองระยะที่ 1/2a ในเดือนกรกฏาคมและตั้งเป้าว่าจะเริ่มการทดลองระยะที่ 3 ในเดือนกันยายน
ทั่วโลกพัฒนา วัคซีนโควิด19 กำลังทดสอบในมนุษย์กว่า 142 รายการ
โครงการศึกษาทดลองเชิงคลินิก Janssen COVID-19 ซึ่งรวมถึงการทดลองทางคลินิกในระยะ 1/2a และระยะ 3 ที่กล่าวถึงข้างต้น จะมีการประเมินผลจากการให้วัคซีน Ad26.COV2.S เทียบเคียงระหว่าง 1 และ 2 โดสในลักษณะการทดลองคู่ขนาน การศึกษาทดลองระยะ 1/2a จะมีการประเมินความปลอดภัยและการตอบสนองต่อวัคซีน (หมายถึงปฏิกิริยาที่อาจเกิดขึ้นต่อวัคซีน อย่างเช่นอาการบวมหรือเจ็บปวด) และความสามารถในการกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาตอบสนองทางภูมิคุ้มกันของวัคซีน Ad26.COV2.S ในผู้ใหญ่สุขภาพดีอายุระหว่าง 18 ถึง 55 ปีและวัย 65 ปีขึ้นไปจำนวนกว่า 1,000 คน นอกจากนี้ขณะนี้ยังมีการวางแผนสำหรับการศึกษาระยะ 2a ในเนเธอร์แลนด์ สเปน และเยอรมนี และการศึกษาระยะ 1 ในญี่ปุ่น
ขณะที่บริษัทกำลังวางแผนโครงการพัฒนาเชิงคลินิกระยะที่ 3 เพื่อรับมือกับโควิด-19 บริษัทยังได้หารือกับคู่ค้าโดยมีเป้าหมายเพื่อเริ่มต้นการทดลองทางคลินิกขั้นสำคัญในระยะที่ 3 โดยใช้วัคซีน 1 โดสเทียบกับยาหลอกในเดือนกันยายนระหว่างรอข้อมูลจากการศึกษาทดลองระยะ 1 และ 2 รวมถึงการอนุมัติจากทางการ ในขณะเดียวกัน บริษัทยังวางแผนว่าจะเริ่มอีกการทดลองทางคลินิกระยะ 3 โดยใช้การให้วัคซีน 2 โดสเทียบกับยาหลอก
ในการออกแบบและดำเนินการศึกษาทดลองระยะที่ 3 บริษัทยังจะให้ความสำคัญกับกลุ่มประชากรที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคในสัดส่วนที่มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งรวมถึงการให้ความสำคัญชาวผิวดำ ผู้มีเชื้อสายสเปน และชาวลาตินอเมริกัน ตลอดจนผู้เข้าร่วมการทดลองอายุ 65 ปีขึ้นไป ในการศึกษาทดลองในสหรัฐ
การศึกษาขั้นพรีคลินิกที่ผ่านมาดำเนินการโดยคณะนักวิจัยจาก Beth Israel Deaconess Medical Center (BIDMC) ภายใต้ความร่วมมือกับแจนส์เซน ฟาร์มาซูติคอล ในเครือจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และนักวิจัยจากแหล่งอื่น ๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือที่จะเร่งให้เกิดการพัฒนาวัคซีน SARS-CoV-2 โดยข้อมูลจากการทดลองนี้ชี้ว่าระดับแอนติบอดีอาจจะเป็นตัวบ่งชี้ทางชีวภาพสำหรับการป้องกันโดยใช้วัคซีน
ในการศึกษาวิจัยดังกล่าว นักวิจัยเริ่มต้นทดลองสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่สัตว์ตระกูลวานรที่ไม่ใช่มนุษย์โดยใช้วัคซีนตัวอย่าง แล้วจึงกระตุ้นให้เกิดการติดเชื้อ SARS-CoV-2 นักวิทยาศาสตร์พบว่าจากวัคซีนตัวอย่างจำนวน 7 ตัวที่ใช้ในการทดลอง วัคซีน Ad26.COV2.S (ในวารสาร Nature เรียกว่า Ad26-S.PP) ได้ก่อให้เกิดแอนติบอดีที่มีฤทธิ์ลบล้าง SARS-CoV-2 มากที่สุด ระดับแอนติบอดีสัมพันธ์กับระดับการป้องกัน ซึ่งยืนยันข้อสังเกตก่อนหน้านี้ และบ่งชี้ว่าแอนติบอดีอาจเป็นตัวบ่งชี้ทางชีวภาพสำหรับการป้องกันโดยใช้วัคซีน สัตว์ตระกูลวานรที่ไม่ใช่มนุษย์ทั้ง 6 ตัวที่ได้รับการกระตุ้นให้สร้างภูมิคุ้มกันด้วยวัคซีน Ad26.COV2.S ครั้งเดียว ไม่มีไวรัสที่ตรวจพบได้ในระบบทางเดินหายใจส่วนล่างหลังจากได้รับเชื้อ SARS-CoV-2 และมีเพียงตัวเดียวใน 6 ตัวนั้นที่มีไวรัสระดับต่ำมากในการตรวจตัวอย่างจากช่องจมูก 2 ครั้ง
ทั้งนี้โครงการทดลองวัคซีนดควิด-19ดังกล่าวได้รับทุนเต็มจำนวนหรือบางส่วนด้วยทุนของรัฐบาลกลางจาก Office of the Assistant Secretary for Preparedness and Response, Biomedical Advanced Research and Development Authority