โควิด19 หลังวิเคราะห์ด้วยกฎของเบนฟอร์ด (Benford’s law) คณะนักวิจัยชี้ ไม่พบหลักฐานที่บอกได้ว่าจีนปรับแต่งข้อมูลเกี่ยวกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) พร้อมกล่าวว่าข้อมูลของจีนไม่เพียงแต่ควรถูกนำมาใช้เป็นต้นแบบสอบเทียบในการประกาศมาตรการชะลอการติดเชื้อเท่านั้น แต่ยังเป็นนโยบายที่สามารถแนะแนวทางแก่ประเทศอื่นๆ ได้ด้วย
การศึกษาซึ่งจัดทำโดยคริสโทฟเฟอร์ คอก (Christoffer Koch) นักเศรษฐศาสตร์วิจัยอาวุโสจากธนาคารกลางดัลลัส (Federal Research Bank of Dallas) และเคน โอคะมุระ (Ken Okamura) นักวิจัยจากคณะบริหารธุรกิจซาอิด (Said Business School) มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และลงวันที่ 28 เม.ย. ได้เผยผลลัพธ์ที่ตรงข้ามกับข้อสันนิษฐานที่ว่าจีนรายงานตัวเลขผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 น้อยกว่าความเป็นจริง
ทั้งนี้ กฎของเบนฟอร์ดคือกฎที่ใช้ในการตรวจจับการทุจริตหรือข้อบกพร่องในการรวบรวมข้อมูลตามการกระจายตัวของเลขหลักแรกของข้อมูล
การศึกษาพบว่า “การกระจายตัวของเลขหลักแรกของยอดผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันของจีน สอดคล้องกับกฎของเบนฟอร์ด … ทั้งยังตรงกับการกระจายตัว (ของเลข) ในสหรัฐฯ และอิตาลี”
“การปรับเปลี่ยนข้อมูลจีนในกรณีนี้จำเป็นต้องมีบางคนคอยประสานงานกับการประกาศประจำวันของทุกมณฑล ทั้งยังต้องคาดการณ์อัตราการติดเชื้อในอนาคตได้อย่างแม่นยำ สิ่งเหล่านี้ไม่น่าเกิดขึ้นได้” การศึกษาระบุ
การศึกษายังชี้ว่าข้อกังขาที่เกิดขึ้นเรื่อยมาเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของข้อมูลของจีนนั้นก่อให้เกิดปัญหา เนื่องจาก “มันส่งผลกระทบต่อทางเลือกนโยบายของประเทศต่างๆ ที่เผชิญกับการแพร่ระบาดในภายหลัง”
เนื่องจากนโยบายของหลายประเทศเลือกใช้ มุ่งบังคับใช้การรักษาระยะห่างทางสังคม ห้ามเดินทาง และปิดเมือง ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามแนวทางอันประสบความสำเร็จที่จีนเคยเลือก “จึงเป็นเรื่องสำคัญที่บรรดาผู้กำหนดนโยบายต้องรับทราบว่าข้อมูลเหล่านี้มีความน่าเชื่อถือ”
นอกจากนี้การศึกษายังชี้ว่า “การขาดความเชื่อมั่นต่อข้อมูลของจีนอาจทำให้ยุโรปรับมือโรคระบาดใหญ่ที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วนฉับพลันได้ล่าช้ากว่าเดิม”
ภาพ China Xinhua News