โควิด19 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า คณะนักวิทยาศาสตร์นานาชาติลงความเห็นว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2) ที่ก่อให้เกิดโรค โควิด19 ไม่ใช่ไวรัสที่ถูกสร้างขึ้นในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์หรือถูกดัดแปลงอย่างมีวัตถุประสงค์แอบซ่อน
อ้างจากวารสารเนเจอร์ เมดิซิน (Nature Medicine) เผยแพร่บทความชื่อ “จุดกำเนิดใกล้เคียงของซาร์ส-ซีโอวี-2” เมื่อวันอังคาร 17 มีนาคม 2563 ซึ่งเปิดเผยการวิเคราะห์ลักษณะต่างๆ ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019
คริสเตียน แอนเดอร์เซน รองศาสตราจารย์ด้านภูมิคุ้มกันวิทยาและจุลชีววิทยา สถาบันวิจัยสคริปปส์ ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยทูเลน มหาวิทยาลัยซิดนีย์ มหาวิทยาลัยเอดินบะระ และมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย เป็นคณะผู้ทำการศึกษาดังกล่าว
การวิเคราะห์อ้างอิงข้อมูลลำดับพันธุกรรมของโรคโควิด-19 ที่นักวิทยาศาสตร์จีนถอดรหัสได้หลังเกิดการระบาดไม่นาน โดยวิเคราะห์แม่แบบพันธุกรรมของโปรตีนหนาม (spike protein) หรือเกราะด้านนอกที่ไวรัสฯ ใช้โจมตีเซลล์ของมนุษย์และสัตว์
ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์กลุ่มนี้มุ่งศึกษาโปรตีนหนามและสันหลัง (backbone) ของไวรัสฯ จนพบว่าไวรัสฯ มีประสิทธิภาพสูงเมื่อแพร่สู่ร่างกายมนุษย์ แต่มีลักษณะต่างจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ที่เป็นที่รู้จักแล้ว โดยคล้ายคลึงกับไวรัสโคโรนาที่พบในค้างคาวและตัวนิ่ม
ซึ่งเป็นไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เป็นไวรัสโคโรนาลำดับที่ 7 ที่พบว่าทำให้เกิดการติดเชื้อในหมู่มนุษย์ ซึ่งถือเป็น หลักฐานชัดเจนว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ไม่ได้เป็นผลผลิตจากการดัดแปลงอย่างมีวัตถุประสงค์ และหากมีการดัดแปลงทางพันธุกรรมก็น่าจะพบการใช้เทคนิค reverse-genetic กับเบตาโคโรนาไวรัส (betacoronavirus)
แต่ข้อมูลทางพันธุกรรมบ่งชี้อย่างมิอาจหักล้างว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ไม่ได้มาจากสันหลังของไวรัสที่ถูกใช้ก่อนหน้านี้ โดยผลการศึกษาครั้งนี้เผยแพร่ในวันเดียวกับที่นักการเมืองชาติตะวันตกบางส่วนเรียกโรคโควิด-19 ว่า “ไวรัสจีน” (Chinese virus) ซึ่งสร้างความเข้าใจผิดแก่สาธารณชน
ขณะที่ ไมเคิล ไรอัน ผู้อำนวยการบริหารโครงการภาวะฉุกเฉินทางสุขภาพขององค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวถึงการเรียกเช่นนั้นว่า “สิ่งสำคัญคือเราต้องระมัดระวังภาษาที่เราใช้ เพื่อมิให้นำไปสู่การเชื่อมโยงบุคคลใดบุคคลหนึ่งกับไวรัส”
“นี่เป็นเวลาที่ต้องจับมือและก้าวเดินไปข้างหน้าเพื่อต่อสู้กับไวรัสนี้ด้วยกัน”