ทรัมป์-ไบเดน — การประชันวิสัยทัศน์ หรือดีเบทครั้งแรกระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯจากพรรครีพลับลิกัน และนายโจ ไบเดน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯจากพรรคเดโมแครตได้เสร็จสิ้นไปแล้ว โดยการดีเบทครั้งดังกล่าวมีนายคริส วอลเลซ ผู้ประกาศข่าวจากสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์ นิวส์มาเป็นผู้ดำเนินรายการ จัดขึ้นที่เมืองคลิปแลนด์ รัฐโอไฮโอของสหรัฐฯ ขณะที่เหล่าวิเคราะห์การเมืองต่างประเทศต่างเรียกการดีเบทครั้งนี้ว่าวุ่นวายที่สุดในรอบหลายปี ซึ่งในระหว่างการดีเดทมีการพูดขัดจังหวะอีกฝ่ายอยู่บ่อยครั้ง และมีช่วงที่นายไบเดนสั่งให้ประธานาธิบดีทรัมป์หุบปากด้วย
ส่วนประเด็นการประชันวิสัยทัศน์ในครั้งนี้ มีหลากหมายทั้งประเด็นการแพร่ระบาดของโควิด19 ระบบประกันสุขภาพและประเด็นเศรษฐกิจ ด้านประธานาธิบดีทรัมป์ถูกนายไบเดนโจมตีเรื่องที่ประธานาธิบดีทรัมป์สนับสนุนกลุ่มคลั่งคนขาว และไม่ประณามกลุ่มขวาจัดที่ก่อเหตุรุนแรง หรือเหยียดผิว รวมทั้งโจมตีเรื่องการรับมือการแพร่ระบาดแบบผิดพลาด ซึ่งทำให้มีชาวสหรัฐฯเสียชีวิตแล้วกกว่า 200,000 คน เพราะมัวแต่ให้ความสำคัญการเรื่องเศรษฐกิจมากกว่าชีวิตประชาชน ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ก็ยกประเด็นเรื่องที่ฮันเตอร์ บุตรของนายไบเดน ที่มีปัญหาเรื่องติดยาเสพติดมาโจมตี
ในส่วนสถิติตัวเลขของการดีเบทในครั้งนี้ บรรดาต่างประเทศได้รวบรวมสถิติไว้ดังนี้
- การดีเบทรอบนี้กินระยะเวลาราว 90 นาที
- ประธานาธิบดีทรัมป์พูดขัดจังหวะนายไบเดนถึง 73 ครั้ง
- ประธานาธิบดีทรัมป์ใช้เวลาในการพูดทั้งหมด 38 นาที
- นายไบเดนใช้เวลาในการพูดไป 43 นาที
- ประเด็นที่มีการพูดถึงนานที่สุด คือเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด19 โดยใช้เวลาไป 20 นาที
หลังการดีเบท ผลสำรวจจากสำนักชื่อดังหลายแห่งทั้ง CNN,CBS,และBBC ต่างให้นายไบเดนเป็นผู้ชนะการดีเบทครั้งนี้ โดยได้ไป 48 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ไป 41 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ดี ผลสำรวจดังกล่าวอาจไม่มีผลอะไรกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เนื่องจากยังเหลือการดีเบทอีก 2 ครั้ง และในเวลานี้ยังมีชาวสหรัฐฯ 1 ใน 10 ที่ยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกว่าใครควรจะเป็นประธานาธิบดี
ทั้งนี้ การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐจะมีขึ้นในวันที่ 3 พ.ย.63นี้ โดยในเวลานี้มีชาวสหรัฐฯที่ได้ลงคะแนนใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้ากว่า 1 ล้าน 3 แสนคน