เยียวยาโควิด เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2563 สำนักข่าวต่างประเทศ เดอะวอชิงตันโพสต์ เปิดเผยว่า ภายหลังมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรนาในสหรัฐ คณะบริหารของรัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ออกมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบในหลายรูปแบบ ส่วนหนึ่งคือการจ่ายเช็คเงินสดให้กับชาวอเมริกันหลายล้านคนตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐ ที่อาจจะล่าช้าออกไปอีกหลายวัน เนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องการให้ลายเซ็นของตนเองประทับอยู่บนเช็คเหล่านั้นด้วย โดยจะมีชาวอเมริกันราว 80 ล้านคนทั่วประเทศ เป็นผู้มีสิทธิ์ได้รับเช็ค
การกระทำนี้เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของประเทศ แม้แต่สมัยรัฐบาลโอบามา และรัฐบาลจอร์จ ดับเบิลยู บุช ก็ไม่เคยใส่ชื่อตนลงในเช็คช่วยประชาชน เนื่องจากในกระบวนการปกติ ผู้นำสหรัฐไม่มีอำนาจในการเซ็นชื่อบนเช็คที่ออกโดยกระทรวงการคลัง แต่ผู้มีอำนาจเซ็นคือเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกระทรวงการคลังสหรัฐ ซึ่งในหลักการแล้ว ประธานาธิบดีสหรัฐไม่มีอำนาจในการเซ็นชื่อบนเช็คที่ออกโดยกระทรวงการคลัง ดังนั้น ลายเซ็นของทรัมป์จึงจะปรากฎอยู่ที่ด้านล่างซ้ายของพื้นที่ “บันทึก” ซึ่งอยู่คนละด้านกับลายเซ็นของเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจในสำนักงานบริการด้านการคลังของสหรัฐ ซึ่งเป็นองค์กรที่ไม่ขึ้นอยู่กับพรรคการเมืองใด
อย่างไรก็ดี กระทรวงการคลังสหรัฐได้ออกมาปฏิเสธรายงานข่าวที่ว่า ประเด็นลายเซ็นของปธน.ทรัมป์เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความล่าช้า โดยระบุว่า กำหนดการส่งเช็คให้กับประชาชนทางไปรษณีย์คือสัปดาห์หน้า พร้อมกับชี้แจงว่า ลายเซ็นของ ปธน.ทรัมป์จะไม่ปรากฎอยู่บนเช็คที่สั่งจ่ายโดยตรง แต่จะมีลายเซ็นเฉพาะบนเช็คที่ส่งทางไปรษณีย์ถึงผู้เสียภาษีที่ทางรัฐบาลไม่มีข้อมูลด้านการธนาคารเท่านั้น
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีทรัมป์ ระบุในการแถลงว่า คนอเมริกันหลายคนจะมีความสุขมากที่ได้รับเช็คช่วยเหลือก้อนใหญ่ ซึ่การมีชื่อตนอยู่ในนั้นไม่เป็นเหตุอะไรที่ทำให้ล่าช้า รัฐบาลสหรัฐมีเกณฑ์ให้เงินเยียวยาประชาชน คือ หากเป็นครอบครัวมาตรฐานทั่วไปที่มีพ่อแม่และลูกสองคน จะได้รับเงินช่วยเหลือแบบเหมาจ่าย 3,000 ดอลลาร์ ราว 98,220 บาท สำหรับผู้มีรายได้น้อยที่เป็นบุคคลจะได้รับคนละ 1,200 ดอลลาร์ หรือราว 37,200 บาท