14 พ.ย. 63 ที่ผ่านมา โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ เรียกร้องให้สภาคองเกรสผ่านร่างกฎหมายเยียวยาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขณะที่ยอดผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันยังเพิ่มขึ้นทั่วประเทศ
ทรัมป์โพสต์ทวิตเตอร์ว่า สภาคองเกรสต้องผ่านร่างกฎหมายเยียวยาโควิด-19 ในตอนนี้ ซึ่งต้องการเสียงสนับสนุนจากพรรคเดโมแครต เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญที่ต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้น
ความคิดเห็นดังกล่าวของทรัมป์มีขึ้นหลังจากสหรัฐ มีผู้ป่วยโควิด-19 เกือบ 200,000 ราย ถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เมื่อวันที่ 12 พ.ย.
ย้อนกลับไปวันที่ 13 พ.ย. แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ เผยว่าจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นคือสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงที่ต้องใช้ความร่วมมือในทุกด้านจากสภาคองเกรส โดยประเด็นหลักในสภาคองเกรสยังคงเป็นมาตรการเยียวยาโรคโควิด-19
ผวา! ยอดเด็กป่วย โควิด19 ในสหรัฐ มีจำนวนมากกว่า 9 แสนรายแล้ว
เพโลซีกล่าวว่า เราต้องปกป้องผู้คนและการดำรงชีวิตของพวกเขา แต่สมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาคองเกรสยังคงเล่นตุกติกด้วยการทำให้เรื่องล่าช้า บิดเบือน และปฏิเสธ ทำให้มีผู้ป่วยเสียชีวิตมากขึ้น โดยขณะนี้สหรัฐฯ มีผู้ป่วยโรคโควิด-19 มากกว่า 10 ล้านราย และเสียชีวิตมากถึง 240,000 รายนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาด
ทั้งนี้ เพโลซีและสตีเวน มนูชินรัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐ กำลังเจรจาชุดมาตรการเยียวยาโควิด-19 แบบใหม่มานานหลายเดือน แต่ยังคงไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ ด้วยเหตุผลด้านงบประมาณ
อึ้ง! 4 นักกอล์ฟไทยติดโควิด ที่สหรัฐฯ ก่อนถอนตัวแข่งขัน
เมื่อ 10 พ.ย. มิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐ เปลี่ยนท่าทีเกี่ยวกับมาตรการเยียวยาโควิด-19 และวิจารณ์ข้อเสนอของพรรคเดโมแครตว่าเป็นสิ่งที่ไร้สาระ และเป็นแบบสังคมนิยม โดยสหรัฐฯ ต้องการมาตรการเยียวยาที่มีประสิทธิภาพและครอบคลุมมากกว่านี้ ซึ่งมุ่งเน้นไปที่โรงเรียน สถานพยาบาล ธุรกิจขนาดเล็ก และผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด
สรุปผลเลือกตั้งสหรัฐล่าสุด โจ ไบเดน นำห่างทรัมป์ หลังคว้าชัยเพิ่มในรัฐจอร์เจีย
เมื่อช่วงต้นเดือนต.ค. ที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ซึ่งพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมาก ผ่านร่างกฎหมายเยียวยาจำนวน 2.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 66 ล้านล้านบาท) ขณะที่วุฒิสภาสังกัดพรรครีพับลิกันบางกลุ่ม ยืนกรานว่าร่างกฎหมายนี้จะต้องมีจำนวนเงินต่ำกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 30 ล้านล้านบาท) และไม่สามารถหาข้อสรุปในการเพิ่มงบประมาณอีก 5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 15 ล้านล้านบาท) ได้เมื่อช่วงปลายเดือนต.ค. ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์ รวมถึงเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ เน้นย้ำหลายครั้งว่ามาตรการที่ผ่อนปรนทางการคลังมากขึ้นเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรักษาการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ และเตือนว่าอาจเกิดผลกระทบที่ร้ายแรงหากไม่มีการสนับสนุนทางการคลังอย่างทันท่วงที