กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ได้ประกาศ เคอร์ฟิว ท่ามกลางความตึงเครียดเนื่องจากเหตุประท้วง การเสียชีวิตของ จอร์จ ฟลอยด์
มูเรียล โบว์เซอร์ นายกเทศมนตรีกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ของสหรัฐอเมริกา ระบุว่า มาตรการเคอร์ฟิวมีผลบังคับใช้วันที่ 31 พ.ค. 63 พร้อมสั่งการให้กองกำลังพิทักษ์ชาติดี.ซี. ออกปฏิบัติการเพื่อสนับสนุนการทำงานของตำรวจท้องที่ นับเป็นวันที่ 3 ของการประท้วงในเมืองหลวงของสหรัฐฯ อันมีต้นตอมาจากการเสียชีวิตของฟลอยด์ อย่างไรก็ดีการปะทะระหว่างผู้ประท้วงและเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายในวอชิงตัน ดี.ซี. มีความรุนแรงน้อยกว่าพื้นที่ส่วนอื่นของประเทศ
ด้านปีเตอร์ นิวส์แฮม หัวหน้าตำรวจวอชิงตัน เปิดเผยในวันเดียวกันว่าสำนักตำรวจวอชิงตันดี.ซี. จับกุมผู้ประท้วงรวม 17 คน และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 11 รายได้รับบาดเจ็บระหว่างการประท้วง
ฟลอยด์ วัย 46 ปี เสียชีวิตในวันที่ 25 พ.ค. หลังเดเร็ก ชอวิน เจ้าหน้าที่ตำรวจผิวขาวใช้หัวเข่ากดลำคอของเขาแนบกับพื้นถนน แม้ฟลอยด์จะคร่ำครวญหลายต่อหลายครั้งว่า “ผมหายใจไม่ออก” และ “ได้โปรดเถอะ ผมหายใจไม่ออก” ก็ตาม หลังจากนั้น ชอวินถูกจับกุมด้วยข้อหาฆาตกรรมโดยมิได้เจตนา
ประโยคที่ฟลอยด์กล่าวก่อนเสียชีวิตทำให้ชาวแอฟริกันอเมริกันรำลึกถึงความทรงจำอันแสนเจ็บปวด โดยในปี 2014 โทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่งบันทึกเสียงของเอริก การ์เนอร์ชายผิวดำไร้อาวุธที่คร่ำครวญว่า “ผมหายใจไม่ออก” ขณะถูกตำรวจนิวยอร์กจับกุมด้วยการล็อกคอจนเสียชีวิต นับตั้งแต่นั้นผู้ชุมนุมจึงใช้คำพูดดังกล่าวเป็นเสียงปลุกขวัญในการประท้วงต่อต้านการประพฤติมิชอบของตำรวจทั่วประเทศ
ภาพ : China Xinhua News