องค์การอนามัยโลก (WHO) แสดงความกังวลอย่างมากต่อยอดผู้ป่วยโควิด-19 ที่เพิ่มสูงในบางประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรปและทวีปอเมริกา
เมื่อ 16 พ.ย. 63 ที่ผ่านมา ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ WHO แถลงไว้ว่า “ตอนนี้เรารู้สึกกังวลอย่างมากที่ยอดผู้ป่วยโรคโควิด-19 พุ่งสูงในบางประเทศ โดยเฉพาะในยุโรป อเมริกาเหนือ และอเมริกาใต้ แรงงานและระบบสาธารณสุขต้องแบกรับภาระจนถึงจุดแตกหัก”
สำเร็จอีกราย! Moderna พัฒนา วัคซีนป้องกันโควิด19 ใช้ได้ผลเกือบ 95%
ทีโดรสเตือนว่า “ประเทศที่ปล่อยปละละเลยเชื้อไวรัสกำลังเล่นอยู่กับไฟ” เพราะจะต้องมี “ผู้เสียชีวิตและทุกข์ทรมานโดยไม่จำเป็นเพิ่มขึ้นอีก มีประชาชนจำนวนมากได้รับผลกระทบระยะยาวจากเชื้อไวรัส” โดยเฉพาะแรงงานสาธารณสุขที่ต้องเผชิญ “แรงกดดันหนักหน่วงต่อสุขภาพจิต และจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มสูงจนเป็นภาระหนักอึ้งแก่ระบบสาธารณสุขในหลายประเทศ”
ข้อมูลล่าสุดของ WHO ระบุว่าเมื่อนับถึง 14.59 น. ของวันที่ 16 พ.ย. 63 ตามเวลายุโรปกลาง สำนักงานระดับภูมิภาคขององค์การฯ ในยุโรปและทวีปอเมริกา รายงานตัวเลขผู้ป่วยโควิด-19 รวม 15,266,390 ราย และ 23,190,772 รายตามลำดับ โดยมีผู้เสียชีวิตแล้ว 344,459 ราย และ 679,201 ราย ตามลำดับ
ผลการวิจัย คาด โควิด19 อาจวนเวียนในอิตาลีก่อนพบเชื้อในจีน
สถิติของภูมิภาคทั้งสองคิดเป็นกว่า 70% ของจำนวนผู้ป่วยสะสม และกว่า 77% ของผู้ที่เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ทั้งหมดทั่วโลก หลายประเทศในภูมิภาคข้างต้นมีผู้ป่วยใหม่พุ่งสูงทำลายสถิติในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
“ไม่มีข้อแก้ตัวสำหรับการนิ่งเฉย สารของผมชัดเจนมากแล้ว รีบดำเนินการอย่างเด็ดขาดเดี๋ยวนี้” ทีโดรสกล่าวกระตุ้น
กว่า 7.5 พันราย!จี่หนาน ปูพรมตรวจหลังพบเชื้อ โควิด19 ในอาหารแช่แข็ง
ทีโดรสเสริมว่า WHO และหุ้นส่วนประสานงานกับรัฐบาลและผู้นำด้านสาธารณสุขเพื่อช่วยเหลือแรงงานสาธารณสุขที่ล้มป่วย จัดการให้มั่นใจว่ามีเตียงเพียงพอสำหรับผู้ป่วยโรคโควิด-19 และพยุงให้บริการสุขภาพที่จำเป็นยังสามารถดำเนินต่อไปอย่างปลอดภัย รวมถึงมีหน้ากาก ถุงมือ และอุปกรณ์ป้องกันชนิดอื่นในปริมาณที่เพียงพอ
“แนวคิดที่รัฐปล่อยให้ประชาชนจัดการกับเชื้อไวรัสเองและไม่ใช้เครื่องมือที่มีอย่างเต็มที่ ทำให้ประชาชนเสียชีวิต ส่งผลกระทบหนักต่อวิถีชีวิตของประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศ” ทีโดรสเตือน พร้อมเรียกร้องรัฐบาลทุกแห่งออกข้อจำกัดเพื่อให้ “มีช่วงเวลาสั้นๆ สำหรับการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของระบบสำคัญๆ อีกครั้ง”