คนใกล้ตัวต้อวคอยเช็ค “หัวใจวายเฉียบพลัน” ไม่ใช่เรื่องไกลตัว รู้ไว้ระวังทัน ห่างไกลโรค
โรคหัวใจ มักไม่แสดงอาการชัดเจนในระยะเริ่ม กว่าจะรู้อาจจะสายเกินไป เมื่อเกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน หรือ Heart Attack มักเป็นอย่างฉุกเฉิน ไม่รู้ตัวมาก่อน อาจเกิดในคนที่ดูปกติไม่ทราบว่าเป็นโรคหัวใจมาก่อน โดยเฉพาะเมื่อพบอาการผิดปกติไม่ควรละเลยเด็ดขาด เพราะทุกนาทีมีค่าต่อชีวิต
ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคมีอยู่หลายปัจจัยซึ่งหลักๆ คือ
- การสูบบุหรี่
- ไขมันในเส้นเลือดสูง
- เบาหวาน
- ความดันโลหิตสูง
- ผู้มีภาวะเครียด กดดัน พักผ่อนน้อย ทำให้ระบบประสาทอัตโนมัติที่ควบคุมการทำงานของหัวใจมีความผิดปกติ
- โรคอ้วน
- นอนกรนรุนแรง มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับร่วมด้วย
- ไม่ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

ทั้งหมดนี้ คือสาเหตุสำคัญมาจากวิถีชีวิตและพฤติกรรมสุขภาพ ที่ไม่ถูกต้อง ส่งผลต่อหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจแข็งตัว หรือตีบตัน เมื่อเส้นเลือดตีบ ส่งผลให้เลือดไม่ไปเลี้ยงหัวใจในที่สุด ดังนั้น ควรตรวจสุขภาพหัวใจ อาทิ ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) หรือ ตรวจสมรรถภาพหัวใจด้วยการวิ่งสายพาน (EST) หรือ ตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง (Echo) อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ควบคู่กับการตรวจสุขภาพประจำปี โดยเฉพาะผู้มีอายุตั้งแต่ 35 – 40 ปีขึ้นไป เมื่อพบว่าอยู่ในกลุ่มเสี่ยงควรทำการรักษาอย่างต่อเนื่องและปฏิบัติตนตามคำแนะนำแพทย์
อาการผิดปกติของโรคหัวใจ…ควรหมั่นสังเกตตนเอง หรือคนรอบข้าง เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือน “หัวใจวายเฉียบพลัน”
- แน่นหน้าอก นานกว่าครั้งก่อนๆ นานกว่า 20 นาที
- เหงื่อออก ตัวเย็น
- คลื่นไส้ อาเจียน หน้ามืด เป็นลม แน่นหน้าอก
- ปวดจุกท้อง บริเวณลิ้นปี่ หรือปวดร้าวขึ้นไปที่กรามหรือไหล่โดยเฉพาะไหล่ซ้าย
- หายใจหอบ หายใจไม่พอ หายใจสั้น
หากมีอาการเหล่านี้ให้รีบนั่งพัก และนำส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด เพราะอาการเหล่านี้…เป็นส่วนหนึ่งของ “ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด” ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วและถูกต้อง หัวใจจะหยุดเต้น สมองอาจขาดออกซิเจนกลายเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือเสียชีวิตอย่างรวดเร็วผู้ที่มีภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน

หากได้รับการช่วยเหลืออย่างถูกวิธีและทันเวลาช่วยลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยได้หากพบผู้หมดสติให้ควรปฏิบัติ ดังนี้
- เรียกหรือเขย่าตัวผู้หมดสติว่ายังมีการตอบสนองหรือไม่
- ถ้าไม่มีการตอบสนอง ให้สังเกตว่าผู้ป่วยมีอาการกระตุกหรือชักเกร็งหรือไม่ หรือหายใจเฮือก หรือหยุดหายใจ ถ้ามีให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ป่วยมีภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันพลัน
- รีบโทรศัพท์แจ้งขอความช่วยเหลือหน่วยกู้ชีพ หรือรถพยาบาลฉุกเฉิน และเริ่มการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานด้วยการนวดหัวใจ หรือทำ CPR เพื่อพยุงเวลาในการช่วยชีวิตผู้ป่วยให้นานที่สุด ทำให้หัวใจบีบเลือดออกไปเลี้ยงร่างกาย
วิธีการช่วยเหลือผู้ที่มีภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน คือ การใช้ไฟฟ้าแรงสูงเข้าไปกระตุ้นการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติด้วยเครื่องฟื้นคืนคลื่นหัวใจด้วยไฟฟ้าอัตโนมัติ (Automated External Defibrillator หรือ AED) ใช้ตามคำแนะนำที่ติดอยู่ที่เครื่อง
ข้อมูลจาก นพ. ทยานนท์ คุณาวิศรุต, นพ. วิจารณ์ เทวธารานันท์
ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่น ๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY