ตำรวจ-สื่อ ลงพื้นที่ หน้าอาศรม หลวงปู่ตรัยครอบหม้อ ไม่เจอตัวต้นเรื่อง เจอแต่พ่อหลวงปู่ ลั่น ไม่มีหมายห้ามเข้า ด้านสธ. ชี้ หม้อใบเดียวเสี่ยงเชื้อโรค
จากกรณีที่มี คลิปวิดิโอ ของ หลวงปู่ตรัย เป่ามหาระงับอาศรมอโรคยา ประโคนชัย บุรีรัมย์ กำลังทำพิธีครอบหม้อ เปิดตาที่สาม ด้วยการเอาหม้อแกงอลูมิเนียมมาครอบหัว แล้วเอาวัสดุบางอย่างไปเคาะตูดหม้อ แล้วเปิดหม้อแกงออกมา พร้อมกับเอ่ยปากว่า ”เปิดตาทิพย์เปิดตาที่สาม” นั้น
- ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ของเขาดีจริง! เปิดพิธีครอบหม้อ หลวงปู่ตรัย เปิดตาที่สาม รักษาทุกโรค
ล่าสุด เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตั้งแต่ช่วงเช้า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอ พร้อมด้วยตำรวจ สภ.ประโคนชัย และฝ่ายปกครองอำเภอประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบอาศรมของนายประดิษฐ์ อายุ 46 ปี หรือ หลวงปู่ตรัย โดยเป็นสาขาแรก พบว่า ประตูบ้านปิดเงียบไม่มีใครอยู่ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่เดินทางไปที่สาขา 2 ที่กำลังก่อสร้าง ห่างจากสาขา 1 ไปประมาณ 3 กม. พบประตูรั้วปิดล็อกกุญแจไว้เช่นเดียวกัน
ต่อมาได้มีชายสูงอายุ ทราบชื่อต่อมานายอุดร อายุ 68 ปี เป็นพ่อหลวงปู่ตรัย ออกมาเปิดประตูให้รถน้ำแข็งเข้าไปส่งน้ำแข็ง โดยนายอุดร มีสีหน้าไม่พอใจเมื่อเห็นนักข่าวและเจ้าหน้าที่ พร้อมระบุว่า ”ป้ายเขียนไว้ห้ามเข้า อ่านภาษาไทยออกไหม” ก่อนบอกว่า พ่อหลวงปู่ตรัย บอกว่า ตอนนี้ไม่อนุญาตให้คนเข้าไปในเขตพื้นที่โดยเด็ดขาด ยกเว้นมีหมายค้น ตอนนี้ให้ว่ากันไปตามกฎหมาย ส่วนหลวงปู่ตรัย จะอยู่ที่ไหนตนไม่ทราบ เพราะไม่ได้สั่งไว้
ทางด้าน นายแพทย์พิเชษฐ พืดขุนทด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ออกมาระบุถึงการเปิดสำนักหรืออาศรม ของนายประดิษฐ์ หรืออี๊ด อายุ 46 ปี หรือที่อ้างตัวว่าเป็นหลวงปู่ตรัย แล้วเปิดสำนักรักษาสารพัดโรคด้วยการเอาหม้อแกงครอบหัว
จากการตรวจสอบเบื้องต้นนายประดิษฐ์ ไม่ใช่หมอพื้นบ้าน ไม่เคยมาขึ้นทะเบียนเป็นหมอพื้นบ้าน จึงไม่เข้าข่าย อีกทั้งไม่ใช่เป็นสถานพยาบาลหรือสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ดังนั้นการให้บริการในลักษณะนี้ไม่น่าจะเชื่อมโยงเกี่ยวกับหลักวิทยาศาสตร์ในการรักษาคน น่าจะเป็นความเชื่อส่วนบุคคล
สิ่งที่อยากจะบอกเตือนพี่น้องประชาชนที่ไปรับบริการนี้ ต้องระมัดระวังถึงความปลอดภัย โดยเฉพาะของการใช้หม้อร่วมกัน อาจจะมีโรคติดเชื่อทางผิวหนัง หรือโรคทางเดินหายใจขึ้นในระหว่างที่อยู่ในกระบวนการ
สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ทางสาธารณสุขเป็นห่วง คือการเข้าไปรักษาแบบนี้อาจจะเสียโอกาสในการรักษาทางวิทยาศาสตร์ ดังนั้นต้องมีสติในการรับบริการ
