สาวโพสต์ เตือนภัย จิ้มจุ่ม ไปกินต้องระวัง เพื่อนชนหม้อน้ำซุปลวก ตีมึนไม่เยียวยา

เตือนภัย จิ้มจุ๋ม สุกี้ ลวกจิ้ม – คงปฏิเสธไม่ได้ว่า เมนู จิ้มจุ๋ม สุกี้ ลวกจิ้ม เป็นยอดฮิตของคนรุ่นใหม่กลับเป็นอาหารพื้นๆที่มีกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตาทวด แต่ก็ยังมีความเป็นเอกลักษณ์ที่คนรุ่นใหม่ยังคงให้ความสนใจอยู่ ด้วยการนำความคลาสสิคของภาชนะที่เป็นจุดขายมาผนวกกับวัตถุดิบตามยุคสมัย ทำให้มีผู้คนจำนวนมากชื่นชอบและมักจะใช้เมนูเหล่านี้เพื่อช่วงเวลาแห่งความสุข ช่วงเวลาพิเศษที่น่าจดจำ แต่สำหรับหญิงสาวรายนี้ เมนู จิ้มจุ๋ม ก็จะเป็นเมนูนี่เธอจะจดจำมันได้ไม่มีวันลืม ผู้ใช้เฟซบุ๊ครายหนึ่งเล่าว่า ตนและเพ่อนได้ไปรับประทานจิ่มจุ่มกัน โดย เพื่อนร่วมงานได้ชนหม้อล้มทำให้น้ำร้อน ลวกเธอจนเป็นแผลพุพอง ซึ่งไร้การเยียวยาจากเพื่อนคนดังกล่าวทั้งที่ตนต้องเสียงทั้งเงิน ทั้งงาน และ เวลา จึงได้มาโพสต์เตือนเป็นอุทาหรณ์ ในเฟซบุ๊คระบุว่า

#อุทาหรณ์#เตือนภัย ยาวหน่อยแต่อ่านเถอะ สายหมูทะ จิ้มจุ๋ม สุกี้ ลวกจิ้ม ควรอ่านไว้ *รูปเพิ่มเติมไปในเม้นท์ สวัสดีค่ะ ขอความกรุณาได้ไหมคะ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คนทำยังไม่ยอมรับผิดชอบเลยค่ะ อุทาหรณ์การทานจิ้มจุ่มค่ะ แผลนี้โดน หม้อ จิ้มจุ่มตกลงมา ลวกขาค่ะ นอนรพ. มา 26 วัน แล้วค่ะ เกิดจากคนชนหม้อล้มค่ะ ขอบพระคุณมากๆค่ะอุทาหรณ์ หม้อจิ้มจุ่ม EP.1 อุทาหรณ์นี้ ขอให้ทุกคน จงระมัดระวัง!!!!ในการกิน”จิ้มจุ่ม “ …อย่าได้ ไว้วางใจใดๆ!!!!

บนโต๊ะอาหารของเรา เพราะ เราเองก็ไม่เคยคิดเลยว่า แค่การไปกินจิ้มจุ่มวันนั้นจะเปลี่ยนชีวิตเราไปตลอดกาล ทั้งๆที่ เราเองก็ เรียนจบพยาบาลมา แต่ไม่เคยรู้เลยว่าแผลน้ำร้อนลวก จะรุนแรง และส่งผลกระทบกับชีวิตได้มากขนาดนี้ จน มาเจอกับตัวเอง !!!! นับตั้งแต่วันที่เกิดเหตุการณ์ “น้ำร้อนจากหม้อจิ้มจุ่มหกลวกขา” จนถึงวันนี้ รวมเป็นเวลา 1เดือน มาแล้ว แผลจากที่โดนน้ำร้อนหม้อจิ่มจุ่มลวก ยังคงไม่หายดี เรายังคงต้องหยุดงานต่อไป

เพื่อดูแลรักษาแผลต่อเนื่องที่บ้านให้หายดี จนไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน หลังจากต้องนอนรพ. มาแล้วถึง 26 วัน และยังคงมีอาการปวดแสบแผลขณะเคลื่อนไหว เราต้องขาดรายได้ และยังคงช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยได้ และที่ทำให้เราเสียใจ ทั้งที่ต้องเจ็บกายอยู่แล้ว คือ หม้อจิ้มจุ่มที่ล้มมาโดนเรานั้น หม้อไม่ได้ล้มเอง…แต่หม้อล้มมาแตกและน้ำร้อนหกมาโดนเราเพราะมีคนชนโต๊ะ จึงทำให้หม้อนั้นล้ม !!! เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้น

เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 64 ขณะที่เรากำลังกินอาหาร อยู่ที่ร้านปิ้งย่างชื่อดังแห่งหนึ่ง น้ำร้อนที่กำลังเดือดของหม้อจิ้มจุ่ม ก็หกราดลงมาโดนที่ขาและมือเราทั้ง2 ข้าง วินาทีนั้น เรายังไม่รู้สึกอะไรมาก เหมือนอยู่ในภาวะช็อค แต่พอสักพัก มันปวดแสบปวดร้อนสุดชีวิต เรารีบปฐมพยาบาลตัวเอง ขณะนั้น เจ้าของร้านจึงถามเรา ว่า หม้อล้มได้ยังไง ??? น้องคนที่ไปกินด้วยกันจึงบอกว่า มีคน ชนโต๊ะ !!!! …..ตอนนั้นเราก็ยังไม่ได้คิดติดใจอะไรเพราะรู้สึกว่าเราปวดแสบร้อนมากๆจนจะทนไม่ไหว เราจึงรีบบอกให้เจ้าของร้านพาเราไปที่รพ.ที่ใกล้ที่สุด ตอนแรก เรายังไม่รู้ว่าขาเราที่โดนน้ำร้อนนั้นลวกนั้นเบิร์นเยอะแค่ไหน จนเจอหมอที่รพ. แล้วหมอบอกว่าแผลน้ำร้อนลวก ลึกระดับ2(จาก3ระดับ)

คือ ผิวหนังแดงพองและมีตุ่มน้ำ และโดนน้ำร้อนลวกกินพื้นที่ประมาณ 25 % ของร่างกาย ( ซึ่ง 25 %ถือว่าเยอะพอสมควร ซึ่งแผลระดับนี้จะส่งผลปวดแสบปวดร้อนมากตลอดการรักษา) เราจำได้คร่าวๆว่าระยะเวลาที่เกิดเหตุจนถึงไปโรงพยาบาล ใช้เวลารวมๆประมาณ 25 นาที ณ ตอนนั้น เราคิดแค่ว่า เราจะรักษาแผล น้ำร้อนลวกให้หายเร็วที่สุดอย่างไร…จนคุณหมอแจ้งว่าเราต้องนอนพักรักษาตัว ในรพ.ประมาณ3อาทิตย์ขั้นต่ำ

เพราะแผลค่อนข้างลึก….. ตอนนั้น เรา เห็นแผล แล้วเรา กลัว มาก!!! เราคิดอะไรไม่ออกเลย สิ่งแรกที่คิดคือเราต้องรักษาตัวเองให้หายไวที่สุดและที่สำคัญ ห้ามทุกคนบอกแม่ !!! เราต้องอดทนเพราะกลัวแม่จะรับไม่ได้ แม่จะเป็นยังไงถ้าเห็นเราในสภาพนี้ เราต้องนอนรักษาตัวที่รพ. และรักษาตัวไปเรื่อยๆ จนกว่าแผลจะดีขึ้น … โดยส่วนตัว เราทำงานเกี่ยวกับการขาย ซึ่งรายได้ ขึ้นอยู่กับยอดการขาย พอมาเจอเหตุการณ์แบบนี้

ทุกอย่างที่ทำต้องหยุดลงชั่วคราว เราขาดรายได้ต่อเดือนไป ซึ่งเราก็มีภาระหนี้สินที่เราต้องจ่ายในทุกๆเดือน และยังมีค่าใช้จ่ายในส่วนของการรักษาพยาบาลด้วยที่เราต้องจ่าย !!!! เราป่วยเราหยุดแต่ธนาคารที่เราเป็นหนี้เขาไม่หยุดกับเรา !!!! เจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจ ร่างกายก็เกิดแผลซึ่งตอนนี้ก็กังวลเรื่องแผลว่าจะหายไหม ??? ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะเป็นแผลลึกขนาดนี้แต่พอได้พูดคุยกับคุณหมอและพยาบาลจึงรู้ว่า…..ต้องรักษาตัวค่อนข้างนานอาจจะถึง 2 เดือนเป็นอย่างน้อยกว่าแผลจะแห้ง และเราก็ต้องรักษาแผลต่อไปอีกเรื่อยๆประมาน2-3 เดือนจึงจะแห้งสนิท แต่ยังไม่จบแค่นั้น

เราจะต้องดูแลแผบต่อไปอีกอย่างน้อย 2 ปี ผิวหนังจึงจะกลับมาแข็งแรงเป็นปกติ…. ซึ่งอาจเกิดแผลเป็นได้ในบริเวณที่โดนน้ำร้อนลวก คุณหมอและพยาบาลได้อธิบายในเรื่องของการดูแลตัวเองหลังจากออกจากโรงพยาบาลซึ่งรายละเอียดเยอะมาก….ไม่ได้เป็นแผลแล้วหายเลยเหมือนแผลรถล้ม !!!! แผลน้ำร้อนลวกทำให้หนังกำพร้าของเราหายไปผิวหนังของเราจะไม่แข็งแรงเหมือนเดิมต้องใช้เวลาฟื้นฟูประมาณสองปี !!!!! และ ระหว่างนี้เราต้องดูแลแผลที่เกิดขึ้นอย่างดีไม่อย่างนั้นอาจจะเกิดแผลเป็นหรือภาวะแทรกซ้อนอื่นๆตามมาได้ ….และหลังจากออกจากรพ.

คุณหมอแนะนำให้นั่งรถเข็น เวลาออกจากบ้าน เนื่องจากยังไม่สามารถใช้กล้ามเนื้อบริเวณขาได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากผิวหนังบริเวณที่โดนลวกยังไม่แข็งแรงพอ และตอนนี้ความสามารถในการช่วยเหลือตัวเองก็ลดลง และยังต้องรักษาต่อเนื่อง ให้ผิวหนังบริเวณขาแข็งแรงขึ้นกว่านี้ก่อน ถึงเวลานี้เราจึงเริ่มไม่ค่อยสบายใจมีเรื่องให้กังวลทั้งเรื่องแผลเป็น

ค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ระหว่างรักษาตัวหรือหลังจากที่แผลหายแล้วและรายได้ที่เราต้องสูญเสียไประหว่างที่เรานอนป่วยเป็นระยะเวลา 1 เดือนมาแล้ว และ ตอนนี้ก็ยังคง ต้องพักรักษาตัวอย่างต่อเนื่องที่บ้าน และ Follow up กับคุณหมอต่ออีก “ ซึ่งการเกิดเหตุครั้งนี้ คนที่บอกจะรับผิดชอบเราก็ยังคงนิ่งเฉย เรายังคงต้องดูแลตัวเองและให้กำลังใจตัวเองมาตลอดระยะเวลาที่เจ็บป่วยจนถึงปัจจุบัน….” แผลที่เห็นในรูปคือแผล วันที่ 2 ที่โดนน้ำร้อนหม้อจิ้มจุ่มลวกมาค่ะ

( เมื่อก่อนเราเป็นพยาบาลค่ะแต่ตอนนี้ไม่ได้ทำแล้ว เรามีส่งรูปให้เพื่อนที่เป็นพยาบาลที่ดูแลคนไข้ไฟไหม้น้ำร้อนลวกดู(Burn unit) เพื่อปรึกษา เพื่อนที่เห็นรูปตกใจทุกคนและไม่คิดว่าเราจะเป็นแผลเยอะขนาดนี้คิดว่าแผลโดนแก๊สระเบิด ) …. เรา หวังว่า เหตุการณ์นี้ จะเป็นอุทาหรณ์ ให้กับคนอื่นๆ ได้ไม่มาก ก็ น้อย

ขอบคุณเฟซบุ๊ต้นฉบับ

อ่านข่าว