สมาคมร้านอาหาร เผยความจริง! ร้านค้าส่วนใหญ่ ไม่อยากร่วมโครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต” บรรยากาศไม่คึกคัก ยอดขายตกเหลือไม่ถึง 50%
เมื่อวันที่ 28 ก.ค.67 น.ส.ประภัสสร รังสิโรจน์ นายกสมาคมร้านอาหารไทยและสตรีทฟู้ด เปิดเผยว่า จากการสอบถาม สมาชิกและผู้ประกอบการด้านอาหาร ไม่ค่อยมีรายใด อยากได้ หรือสนใจ เข้าโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท พิจารณากันในด้านข้อกำหนดการใช้ และประโยชน์ที่ผู้ประกอบการจะได้รับไม่ได้ชัดเจน ไม่รู้ว่าสุดท้ายงบประมาณที่ใช้กับโครงการนี้ ตกไปอยู่ที่รายใด เงื่อนไขไม่ได้กระจายเหมือนการใช้เงินสดกระจายไปทั่วถึงกว่า อีกทั้งถึงขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่าโครงการเงินดิจิทัลจะเริ่มได้ใช้กันจริง ๆ เมื่อใด
ตรงกันข้ามผู้ประกอบการอยากเห็นการเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจซบเซา กำลังซื้อวูบลงอย่างหนัก และเร่งแก้ปัจจัยหรืออุปสรรครุมเร้าการประกอบธุรกิจ โดยเฉพาะเรื่องต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ทยอยเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะราคาพลังงานยังสูง ค่าน้ำประปาเริ่มขยับขึ้นราคาแล้ว ตรึงค่าไฟอาจคุมได้แค่ระยะสั้น รวมถึงการปรับขึ้นของราคาสินค้า เดือนกรกฎาคมนี้มีหลายสินค้าแจ้งขอปรับราคาแล้ว ล่าสุด ผู้ค้าส่งแจ้งขอปรับราคาน้ำดื่มบรรจุขวดยี่ห้อดัง และข้าวสาร
“บรรยากาศออกมาใช้จ่ายและการกินข้าวนอกบ้านตามร้านอาหารหรือภัตตาคาร ไม่ได้คึกคัก ที่ว่าขายดีก็เป็นบางแหล่งเท่านั้น แต่ก็มักจะขายดีเมื่อมีเทศกาลหรือช่วงมีนักท่องเที่ยวเข้ามา โดยเฉพาะคนจีนมาเที่ยว ก็มาแหล่งที่มีคนจีนหรือทุนจีนในไทยโปรโมตกัน ตอนนี้ร้านอาหารคนไทยส่วนใหญ่ต่างบ่นว่าเหนื่อยมาก ยอดขายวันนี้เหลือแค่ 30-40% ต่ำมาก ๆ ในรอบหลายปีผ่านมา” น.ส.ประภัสสร กล่าว
น.ส.ประภัสสร กล่าวว่า อยากให้นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลเร่งหาทางแก้ไข ดูในรายละเอียดถึงสาเหตุแท้จริงอยู่ที่ใดแน่ แล้วปรับแก้ในส่วนนั้น เหมือนการหาหมอเฉพาะโรคลงมารักษา จะได้รู้ว่าสาเหตุการป่วย รักษาได้ตรงจุด และรู้ว่าจะจ่ายยาอย่างไรให้หายสนิท ไม่ใช่เป็นหมอรักษาแบบรวม ให้แค่สเตียรอยด์ไปวัน ๆ
วันนี้ผู้ประกอบการรู้สึกว่า บรรยากาศอึมครึมมาก ไม่รู้ว่ากำลังซื้อที่หายไป เพราะคนประหยัดไม่อยากใช้จ่าย ด้วยมีความกังวลต่อรายได้ในอนาคต และแบกภาระค่าใช้จ่ายสูงขึ้น หรือเพราะคนไม่มีเงินจริง ๆ เมื่อก่อนพอมีเทศกาลและวันหยุดต่อเนื่องหลายวัน ครอบครัวไทยก็จะพากันออกมาทานข้าวนอกบ้าน หรือสังสรรค์กัน ต่อมื้อสั่งอาหารไม่น้อยกว่า 500-1,000 บาท แต่วันนี้แต่ละโต๊ะคุมจำนวนเมนูที่สั่งและดูแลไม่เกิน 400-500 บาท ก็กังวลว่าหากยังปล่อยให้เป็นอย่างนี้จะเป็นโดมิโน ธุรกิจต่อธุรกิจ โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายเล็ก ๆ เพราะขาดเงินหมุนเวียน
“ขณะเดียวกันก็เรื่องทุนต่างชาติ โดยเฉพาะทุนจีนเข้ามาซื้อกิจการ ทั้งแบบร่วมทุน แบบเช่า หรือนำสินค้าราคาต่ำมาตีตลาด ต้องถามว่าทุนนอกเข้ามาครองกิจการในหลายแหล่งในวันนี้ ต้นเหตุเกิดจากที่ใดแน่ ถึงเวลาควรกำหนดเป็นโซนเฉพาะที่อนุญาตให้ต่างชาติมาลงทุนได้แล้ว เป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการไทยเสนอมาตลอด แต่เหมือนไม่มีการรับฟังจากภาครัฐ” น.ส.ประภัสสร กล่าวทิ้งท้าย
