กัณวีร์ อภิปราย ไม่เห็นชอบ “เศรษฐา” เป็น นายกฯ ลั่น! อย่าด้อยค่า การ รณรงค์หาเสียง เป็นเพียงการใช้ ประโยชน์ เพื่อการโฆษณา
วันนี้ (22 ส.ค 66) ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา นายกัณวีร์ สืบแสง สส. แบบบัญชีรายชื่อพรรคเป็นธรรม อภิปรายถึงคุณสมบัตินายเศรษฐา ทวีสิน หลังได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้สมควรดำรงนายกฯ ว่า การเลือกตั้งที่ผ่านมาไม่ใช่เพียงเป็นการเลือกตัวแทนพี่น้องประชาชน ที่มาเป็นผู้รับเหมาในการทำงานให้ประชาชนเท่านั้น แต่ประชาชนจำนวนมากได้ตัดสินใจเลือกว่าจะอยู่กับโครงสร้างเดิม หรือเป็นเสียงส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงประเทศเราให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ซึ่งนี่คือวาระที่หลายพรรคการเมืองใช้ในการรณรงค์หาเสียงกับประชาชน ในการเลือกตั้งซึ่งหนึ่งเสียงของประชาชนล้วนเป็นสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องเคารพ
นายกัณวีร์ กล่าวต่อว่า ประชาธิปไตยคือการปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน ไม่ใช่การปกครองของกลุ่มคนจำนวนเล็กน้อย แล้วอ้างว่าทำเพื่อประชาชน จึงต้องใช้เหตุผลอย่างตรงไปตรงมาในการวินิจฉัยถึงการลงคะแนนเสียงเพื่อประชาชน และคะแนนเลือกตั้งโดยรวมเห็นว่าควรเปลี่ยนแปลง ดีกว่าเอาโครงสร้างเดิมไว้ ตนเองจึงไม่สามารถเห็นชอบแนวทางในการจัดตั้งรัฐบาล ที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง ไม่ต่างจาก 8 – 9 ปีที่ผ่านมา
นายกัณวีร์ กล่าวว่า การกระทำในขณะนี้คือการโหวตสวนมติของประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องที่ใหญ่หลวงยิ่งกว่าการสวนมติของพรรคการเมือง และตนเองไม่สามารถลดเกียรติของตนเอง ที่ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนให้ความเห็นชอบนายเศรษฐา ทวีสินเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ไม่ใช่ว่ามีข้อกังขาในตัวนายเศรษฐา ไม่ใช่ปัญหาที่ตัวบุคคล ซึ่งเชื่อว่าการเสนอแคนดิเดตแต่ละท่าน ผ่านการคิดเป็นอย่างดีแล้วแต่ เป็นเรื่องหลักการในการได้มาซึ่งอำนาจฝ่ายบริหาร ที่แม้กรอบกฎหมายเปิดทางให้กระทำได้ แต่กรอบคุณค่าประชาธิปไตยเพิ่มคุณค่าของมาตรฐานสากลสิ่งที่เกิดขึ้นขนาดนี้ผิดปกติ

“เมื่อทำให้การรณรงค์หาเสียง เป็นเพียงการใช้ประโยชน์ เพื่อการโฆษณาเท่านั้น สิ่งนี้เป็นการกระทำที่ด้อยค่าการรณรงค์หาเสียงในกระบวนการประชาธิปไตยทำให้การหาเสียงดังกล่าวเหลือไว้เพียงการทำการตลาดทางการเมือง โดยการหาเสียงเป็นสิ่งสำคัญในการประมวลเจตนารมย์ในการเลือกตั้งเพื่อกำหนดหางเสือในการบริหารประเทศร่วมกันโดยแนวทางที่เหมาะสมที่เคยเสนอไว้รอให้มีการผิดเพี้ยนมาตรา 272 จาก 10 เดือน ตอนนี้เหลือ 8 เดือนแล้ว เพื่อยืนยันมติมหาชน ของประชาชนส่วนใหญ่ เทียบไม่ได้กับ 9 ปีที่ไม่เคยเห็นหัวพี่น้องประชาชนเลย”
นายกัณวีร์ กล่าวต่อว่า เจตนารมย์ของประชาชนส่วนใหญ่คือการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างที่ไม่เป็นธรรมในทุกด้าน แต่สิ่งที่ประชาชนกลับได้ คือตัวแสดงกลุ่มต่าง ๆ ที่เคยแข่งขัน การขัดแย้งกันแทบเป็นแทบตาย สุดท้ายเป็นเพียงการต่อสู้เพื่อแย่งกันปีนขึ้นไปอยู่บนยอดพีระมิดของโครงสร้างที่ไม่เป็นธรรม ประเทศชาติเสียโอกาสเป็น 10 ปีจากความขัดแย้งที่กดทับประชาชนมาตลอด การจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับโครงสร้างเก่าทางการเมืองจึงเป็นสิ่งที่ไม่อาจเห็นชอบได้
“ผมไม่สามารถเห็นชอบนายเศรษฐาทวีสินแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยได้เพราะขัดกับหลักประชาธิปไตยโดยสากล” นายกัณวีร์ กล่าว
ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่นๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY