สรุป “พรรคก้าวไกล” ยังไม่เปลี่ยนตัว กก.บห.-หัวหน้าพรรค รอศาล รธน.วินิจฉัย ปมยุบพรรค ด้าน “พริษฐ์” ปัดตอบ เป็นหัวหน้าพรรคคนต่อไป
วันที่ 6 เม.ย. 2567 พรรคก้าวไกล ได้มีการจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี ขึ้นที่โรงแรมเมเปิล เขตบางนา กรุงเทพฯ
ก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวเปิดการประชุม ว่า ครั้งนี้เป็น การประชุมใหญ่สามัญครั้งแรกหลังการเลือกตั้ง จากอนาคตใหม่มาสู่ก้าวไกล พรรคเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ เราสามารถพิสูจน์ตนเองด้วยการนำเสนอนโยบาย การทำงานในพื้นที่ การทำงานด้วยการเมืองแบบใหม่ ส่งผลให้เราชนะการเลือกตั้ง มี สส. มากที่สุดถึง 151 คน เป็นความสำเร็จที่สำคัญ และหลังการเลือกตั้ง จะเห็นว่าความนิยมการยอมรับจากประชาชนมากขึ้นเรื่อยๆ จนนักวิเคราะห์ทางการเมืองต่างบอกว่า ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น พรรคก้าวไกลจะครองอันดับ 1 ในการเลือกตั้งครั้งหน้า

โดยมี ภารกิจสำคัญ 3 ข้อ หลังจากนี้ ที่ทุกองคาพยพของพรรคต้องทำร่วมกัน
(1) ปฏิรูปพรรคอย่างต่อเนื่อง เรียนรู้จากความผิดพลาดของเราเอง เพื่อทำให้พรรคก้าวไกลเป็นพรรคของประชาชน เป็นพรรคแบบที่เราอยากเห็น
(2) เดินหน้าทำงานเป็นฝ่ายค้านเชิงรุก ผลักดันวาระก้าวหน้า พร้อมเป็นรัฐบาลที่ดีที่สุดในการเลือกตั้งครั้งหน้า
(3) ช่วยกันทำงาน พิสูจน์ด้วยการทำงานจริง แสดงให้เห็นว่าพรรคก้าวไกลไม่ใช่ภัยคุกคาม แต่คือคำตอบที่ดีที่สุด
ด้าน นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล เปิดเผยผลการ ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 พรรคก้าวไกล ที่โรงแรมเมเปิล เขตบางนา กทม. ว่า ในวันนี้ได้มีการทบทวนผลการทำงานที่ผ่านมารวมถึงมีการพิจารณาแก้ไขระเบียบข้อบังคับพรรคต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการสมัครสมาชิกพรรค เพื่อที่จะให้มีความสะดวก และมีความเข้มแข็งมากขึ้น เพราะตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมาสามารถพิสูจน์ได้แล้วว่าพรรคก้าวไกล ได้รับความนิยม

และสำหรับประเด็นที่มีการจับตาเป็นพิเศษคือใน เรื่องของการพิจารณาตัวผู้บริหารและหัวหน้าพรรคในวันนี้ ที่ประชุมเห็นควรว่าให้เลื่อนการพิจารณาออกไปจนกว่าจะมีการพิจารณาตัดสินคดียุบพรรคจากศาลรัฐธรรมนูญก่อน
ซึ่งก่อนหน้านี้ ทางพรรคก็ได้มีการพูดคุยถึงแผนการทำงานของพรรค ถึงแม้ว่าจะอยู่ในช่วงปิดสมัยประชุมสภาฯก็ตาม ซึ่งมีแผนที่จะเดินหน้าในการทำงาน 5 ด้าน เพื่อที่จะขับเคลื่อนพรรคให้มีการพัฒนาต่อไป โดยมีความเกี่ยวข้องทั้งในส่วนของการทำงานสภา การลงพื้นที่ การทำงานเชิงประเด็น การทำงานท้องถิ่น เพื่อให้การทำงานในอนาคตเป็นไป อย่างราบรื่น

และสำหรับ การเตรียมข้อมูลชี้แจงกับศาลรัฐธรรมนูญนั้นเป็นเรื่องที่ฝ่ายกฎหมาย ตอนนี้ยังคงอยู่ในขั้นตอนที่จะมีการรวบรวมซึ่งกรอบระยะเวลาในการชี้แจง 15 วันนั้น ยังมีช่องของกฎหมายที่จะมีการขอขยายระยะเวลาออกไปได้ และหลังจากนี้จะมีการแถลงต่อสื่อมวลชนเพื่อให้ประชาชนได้รับรู้อย่างเป็นทางการ
ยุบหรือไม่ยุบพรรค ?
นายพริษฐ์ ยืนยันว่า ในเชิงกฎหมายก็ว่ากันไปแต่ในส่วนของทิศทางการทำงานจะไม่มีส่วนที่ทำให้การบริหารงานท้องถิ่นหรือการเลือกคนที่จะมาสมัครในส่วนของการบริหารท้องถิ่นต้องหยุดชะงัก รวมถึงกระแสของ สส. ที่จะมีการย้ายพรรคหรือไม่เชื่อว่า คนที่เข้ามาเป็นสมาชิกของพรรคทุกคนรู้ถึงความเสี่ยงทางการเมือง ที่เกิดขึ้นในเวลานี้ โดยทุกคนที่เข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรค เข้ามาด้วยชุดอุดมการณ์ที่เหมือนกัน ย่อมเข้ามาด้วยความเข้าใจและเชื่อมั่นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพรรคทุกคนก็จะเดินหน้าต่อร่วมกันช่วยกันผลักดันตามแผนที่ได้มีการวางไว้

พร้อมที่จะเป็นหัวหน้าพรรครุ่นต่อไปหรือไม่ ?
นายพริษฐ์ ย้ำว่า พรรคไม่เคยยึดตัวบุคคลเวลานี้พรรคใหญ่กว่าคน ซึ่งพรรคเองก็ได้มีการพยายามที่จะเสริมทักษะความเป็นผู้นำให้กับบุคลากรของพรรคทุกคนอยู่แล้วไม่ได้เป็นแนวทางที่เกิดขึ้นเพียงเพราะว่าจะมีการทำอะไรรองรับการยุบพรรคแต่เกิดขึ้นตามแนวทางการทำงานของพรรค
อย่างไรก็ตาม ผู้นำพรรคในเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็น นายชัยธวัช หรือนายพิธา ทั้งสองคนก็พิสูจน์แล้วว่าสามารถทำงานเป็นทีมทำให้พรรคเข้มแข็งขึ้นได้ และมีความพร้อมหากมีการเลือกตั้งในครั้งต่อไปก็พร้อมที่จะเข้ามามีส่วนในการบริหารประเทศ ขอย้ำอีกครั้งว่าพรรคใหญ่กว่าคน และพรรคก้าวไกลทำงานเป็นทีม นอกจากนี้ยังยืนยันด้วยว่าไม่เกี่ยวข้องกับพรรคอนาคตไกลที่มีการพูดถึงอยู่ในเวลานี้