อยากปากกระจับหรือสายฝอ? อ่าน 7 ข้อควรรู้ก่อนทำ โปรแกรมฟิลเลอร์ปาก เลือกยี่ห้อไหนดี ดูแลยังไงให้ผลลัพธ์สวยเป๊ะ ดูเป็นธรรมชาติ ปลอดภัย ไม่เสี่ยง
เทรนด์การดูแลริมฝีปากให้ดูอวบอิ่มและได้รูปทรงสวยงามกำลังเป็นกระแสที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เพราะริมฝีปากที่ดูสุขภาพดีไม่เพียงแต่ช่วยเสริมเสน่ห์ให้กับรอยยิ้ม แต่ยังช่วยให้ใบหน้าโดยรวมดูสดใสและอ่อนเยาว์ลงได้ สำหรับผู้ที่มีปัญหาปากบาง ปากแห้งแตก หรือมุมปากตก การทำ “โปรแกรมฟิลเลอร์ปาก” ถือเป็นทางลัดที่ตอบโจทย์ เพราะสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่าตัด
อย่างไรก็ตาม การจะทำหัตถการบริเวณริมฝีปากซึ่งเป็นจุดที่ดึงดูดสายตา จำเป็นต้องศึกษาข้อมูลให้ละเอียด บทความนี้จึงได้รวบรวม 7 เรื่องจริงที่คุณต้องรู้ก่อนตัดสินใจ เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ออกมาสวยตรงใจ ดูแลให้ความปลอดภัย และดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด
โปรแกรมฟิลเลอร์ปาก คืออะไร? ทางลัดสู่ริมฝีปากอวบอิ่มโดยไม่ต้องผ่าตัด
โปรแกรมฟิลเลอร์ปาก คือ การฉีดสารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid (HA) เข้าไปบริเวณริมฝีปาก เพื่อเพิ่มปริมาตร (Volume) ปรับรูปทรง และแก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ เช่น ปากบาง ปากไม่เท่ากัน หรือมุมปากตก นอกจากนี้ คุณสมบัติเด่นของ HA คือการอุ้มน้ำ จึงช่วยแก้ปัญหาปากแห้ง ลอก หรือมีร่องลึก ให้กลับมาชุ่มชื้นและดูเรียบเนียนขึ้นได้ในทันที จุดเด่นสำคัญคือเป็นหัตถการที่เห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนหลังทำ และสารเติมเต็มชนิดนี้สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ 100% โดยไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย
ส่องเทรนด์ทรงปากยอดฮิต เลือกแบบไหนที่เข้ากับใบหน้า
ก่อนจะเดินเข้าคลินิก การมีทรงปากในใจจะช่วยให้แพทย์ประเมินและออกแบบได้ง่ายขึ้น โดยปัจจุบันมี 2 เทรนด์หลักที่ได้รับความนิยม ได้แก่
ทรงปากสายเกาหลี (Cherry Lips)
ทรงนี้จะเน้นความเป็นธรรมชาติ ละมุน และดูหน้าเด็ก ลักษณะเด่นคือริมฝีปากจะดูจุ๊บุคล้ายผลเชอร์รี่ มีกระจับปากที่โค้งมนเล็กน้อย และเน้นการยกมุมปากขึ้นคล้ายรอยยิ้ม (Smile Lip) เหมาะสำหรับคนที่ชอบลุคหวาน ๆ สบาย ๆ ไม่ต้องการให้ปากดูหนาจนเกินไป
ทรงปากสายฝอ (Sexy/Full Lips)
ทรงนี้จะเน้นความอวบอิ่มที่ชัดเจนทั้งริมฝีปากบนและล่าง โดยให้ความสำคัญกับขอบปาก (Lip Border) ที่คมชัด เพื่อให้ปากดูเซ็กซี่และโฉบเฉี่ยว เหมาะสำหรับคนที่ชอบแต่งหน้าสายตะวันตก หรือต้องการเปลี่ยนลุคให้ดูมั่นใจและโดดเด่น
7 เรื่องจริงที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ปาก

เพื่อให้การทำโปรแกรมฟิลเลอร์ปากครั้งนี้คุ้มค่าและปลอดภัยที่สุด นี่คือ 7 สิ่งที่คุณควรรู้และทำความเข้าใจ
1. เลือกยี่ห้อและรุ่นฟิลเลอร์ให้เหมาะกับเนื้อปาก
เนื้อริมฝีปากของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน บางคนเนื้อปากนิ่ม บางคนเนื้อปากแน่น การเลือกยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์จึงสำคัญมาก ควรเลือกฟิลเลอร์ที่มีเนื้อสัมผัสยืดหยุ่นสูง ไม่แข็งเป็นก้อน และกลืนไปกับเนื้อเยื่อได้ดี เช่น Restylane Kysse หรือ Juvederm Volift ซึ่งถูกออกแบบมาสำหรับริมฝีปากโดยเฉพาะ เพื่อให้เวลาขยับปากพูดหรือยิ้มแล้วดูเป็นธรรมชาติ ไม่ดูแข็งทื่อ
2. ปริมาณที่เหมาะสม (CC) ไม่จำเป็นต้องอัดแน่น
หลายคนเข้าใจผิดว่ายิ่งฉีดเยอะยิ่งสวย แต่ความจริงแล้วการฉีดฟิลเลอร์ปากให้สวยนั้นขึ้นอยู่กับการปั้นทรงมากกว่าปริมาณ โดยทั่วไปการใช้ฟิลเลอร์เพียง 1 CC ก็เพียงพอสำหรับการสร้างทรงปากให้ดูสวยและเพิ่มความชุ่มชื้นได้แล้ว ยกเว้นในรายที่ต้องการเปลี่ยนทรงปากจากบางมาก ๆ ให้ดูหนาอวบอิ่มแบบสายฝอ อาจต้องใช้ 2 CC ขึ้นไปตามการประเมินของแพทย์
3. การเตรียมตัวก่อนฉีด เพื่อลดอาการบวมช้ำ
ริมฝีปากเป็นบริเวณที่มีเส้นเลือดหล่อเลี้ยงเยอะ จึงมีโอกาสบวมช้ำได้ง่ายกว่าจุดอื่น การเตรียมตัวที่ดีจะช่วยลดอาการนี้ได้ โดยควรงดรับประทานวิตามิน อาหารเสริม (เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา) และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนทำ เพื่อป้องกันไม่ให้เลือดสูบฉีดมากเกินไปจนเกิดรอยเขียวช้ำง่าย
4. ขั้นตอนการดูแลหลังฉีด เพื่อให้ทรงสวยนาน
หลังทำทันที ควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มร้อนจัด หรือทานอาหารรสเผ็ดร้อน เพราะความร้อนอาจทำให้เกิดอาการบวมมากขึ้นในช่วงแรก และควรงดการสัมผัส นวด หรือคลึงริมฝีปากแรง ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์เสียรูปทรง ที่สำคัญควรดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ เพราะน้ำจะช่วยให้ฟิลเลอร์ฟูสวยและอุ้มน้ำได้ดียิ่งขึ้น
5. อาการบวมเป็นเรื่องปกติ กี่วันถึงเข้าที่?
หลังฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ปาก อาการบวมถือเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ โดยมักจะบวมมากที่สุดในช่วง 2-3 วันแรก และจะค่อย ๆ ยุบลงจนเข้าที่สวยงามภายใน 1-2 สัปดาห์ ดังนั้นหากมีนัดสำคัญ ควรเผื่อเวลาทำสวยล่วงหน้าอย่างน้อย 1 สัปดาห์
6. ฟิลเลอร์ปากเป็นก้อน เกิดจากอะไร แก้ไขได้ไหม?
ปัญหานี้มักเกิดจากเทคนิคของแพทย์ที่วางฟิลเลอร์ผิดตำแหน่ง หรือเลือกใช้ฟิลเลอร์เนื้อแข็งเกินไปกับริมฝีปาก รวมถึงการใช้ฟิลเลอร์ปลอมที่ไม่ได้มาตรฐาน หากเป็นฟิลเลอร์แท้ที่เป็นก้อน สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดสลาย (Hyaluronidase) และนวดจัดทรงใหม่ แต่หากเป็นสารเหลวอื่นที่ไม่ใช่ HA อาจต้องทำการผ่าตัดขูดออกเท่านั้น
7. วิธีเช็กฟิลเลอร์แท้ เพื่อความปลอดภัย
เพื่อความมั่นใจในการดูแลให้ความปลอดภัย ก่อนฉีดทุกครั้งต้องขอให้แพทย์แกะกล่องฟิลเลอร์ให้ดูต่อหน้า ตรวจสอบเลขทะเบียน อย. ไทย วันหมดอายุ และสแกน QR Code เพื่อเช็กว่าเป็นยาแท้ที่นำเข้าอย่างถูกกฎหมาย ไม่ใช่ยาหิ้วหรือยาปลอมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ
ทำไมต้องเลือกฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ปาก ที่ AM International Hospital

สำหรับผู้ที่มองหาความมั่นใจและมาตรฐานที่เหนือกว่าคลินิกทั่วไป AM International Hospital ถือเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ในมุมมองของผู้รับบริการ ด้วยเหตุผลหลัก ๆ ดังนี้
มาตรฐานการดูแลให้ความปลอดภัยระดับโรงพยาบาล (Hospital Standard)
ความสะอาดและระบบความปลอดภัยคือหัวใจสำคัญ ที่นี่มีห้องหัตถการที่ผ่านการฆ่าเชื้อตามมาตรฐานโรงพยาบาล รวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและดูแลให้ความปลอดภัยแก่ผู้รับบริการในระดับสูงสุด
ทีมแพทย์ผู้ชำนาญการและการออกแบบทรงปากเฉพาะบุคคล
ทีมแพทย์ของที่นี่มีความเข้าใจในสรีระริมฝีปากและโครงหน้าเป็นอย่างดี สามารถประเมินเนื้อปากและออกแบบทรงปากให้รับกับใบหน้าของแต่ละบุคคล (Personalized Design) ไม่ใช่การฉีดตามแบบพิมพ์นิยมเพียงอย่างเดียว แต่เน้นผลลัพธ์ที่ดูสมส่วน และดูเป็นธรรมชาติ
การใช้ผลิตภัณฑ์แท้ 100% ตรวจสอบได้ทุกกล่อง
ทางโรงพยาบาลยึดถือความโปร่งใสเป็นสำคัญ โดยมีการแกะกล่องผลิตภัณฑ์ใหม่ให้ดูต่อหน้าทุกเคส เพื่อให้ผู้รับบริการมั่นใจได้ว่าสิ่งที่ฉีดเข้าไปในร่างกายคือฟิลเลอร์แท้คุณภาพสูงที่ผ่านการรับรองมาตรฐานสากล
คำถามยอดฮิตที่คนอยากทำโปรแกรมฟิลเลอร์ปากสงสัย
นอกจากข้อมูลที่ควรรู้เกี่ยวกับโปรแกรมฟิลเลอร์ปากแล้ว เรายังได้รวมคำถามที่หลายคนสงสัยเกี่ยวกับหัตถการนี้มาให้ด้วย ตามไปดูคำถามและคำตอบกันได้เลย!
ฉีดฟิลเลอร์ปากเจ็บไหม?
ความรู้สึกเจ็บมีน้อยมาก เนื่องจากในฟิลเลอร์รุ่นใหม่ ๆ มักจะมีส่วนผสมของยาชาในตัว และทางโรงพยาบาลจะมีการแปะยาชาที่ริมฝีปากก่อนทำหัตถการ ทำให้รู้สึกสบายและผ่อนคลายขณะทำ
หลังฉีดทาลิปสติกได้เลยไหม?
แนะนำให้งดการทาลิปสติก หรือลิปมัน ในช่วง 12-24 ชั่วโมงแรกหลังฉีด เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากรอยเข็ม และเพื่อให้ผิวบริเวณรอยเข็มปิดสนิทดีก่อน หลังจากนั้นสามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ
ฉีดฟิลเลอร์ปากอยู่ได้นานแค่ไหน?
โดยทั่วไปผลลัพธ์จะคงอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับรุ่นของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ และการดูแลตัวเองหลังทำ หากมีการขยับปากบ่อย หรือโดนความร้อนบ่อย ๆ ก็อาจทำให้ฟิลเลอร์สลายตัวได้เร็วขึ้นเล็กน้อย
สรุป ริมฝีปากสวยมั่นใจ เริ่มต้นที่การเลือกสิ่งที่ดีที่สุด
การทำโปรแกรมฟิลเลอร์ปากสามารถช่วยปรับเปลี่ยนบุคลิกและเพิ่มความมั่นใจได้จริง แต่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม ดูเป็นธรรมชาติ และได้รับการดูแลให้ความปลอดภัยสูงสุด สิ่งสำคัญที่สุดคือการเลือกทำในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานระดับโรงพยาบาล และทำโดยแพทย์ผู้ชำนาญการที่มีประสบการณ์ ซึ่งจะช่วยวิเคราะห์และออกแบบทรงปากที่เหมาะกับคุณได้อย่างแท้จริง