ตำรวจเผยคืบหน้าไฟไหม้กุฎิ หลวงพ่อสุดใจ ยังไม่ปรากฏหลักฐานวางเพลิง แนวโน้มอาจเป็นไฟฟ้าลัดวงจร ขอเดินหน้าสอบสวนอย่างเต็มที่
ความคืบหน้าคดีไฟไหม้กุฎิ พระอาจารย์สุดใจ ทันตมโน เจ้าอาวาสวัดเกษรศรีคุณ หรือ วัดป่าบ้านตาด อ.เมืองอุดรธานี เป็นเหตุใน หลวงพ่อสุดใจ มรณภาพ เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา
ล่าสุด พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติภัสร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผช.ผบ.ตร.) พล.ต.ท.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4(ผบช.ภาค 4) พล.ต.ต.ยรรยง เวชโอสถ รอง ผบช.ภ.4 ร่วมเดินทางมาติดตามคดีเพลิงไหม้
พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า เนื่องจากคดีนี้เป็นที่สนใจของประชาชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงมอบหมายให้ตน ร่วมกับทาง ผบช.ภ 4 และ รอง ผบช.ภ.4 ร่วมติดตามความคืบหน้าของคดี ซึ่งทาง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี และทาง ผวจ.อุดรธานี ได้มาร่วมตรวจสอบตั้งแต่หลังเกิดเหตุ และให้คำแนะนำกับทางวัดว่า ควรจะให้ทางนิติเวช เพื่อการตรวจพิสูจน์หาสาเหตุการมรณภาพให้ชัดเจน ซึ่งปกติการมรณภาพของพระผู้ใหญ่ จะไม่มีการตรวจพิสูจน์ เพราะต้องการรักษาธาตุขันธ์ของท่านไว้ในสภาพที่สมบูรณ์ แต่ว่าเรื่องนี้เราอยากทำให้ความจริงปรากฏ จึงมีการนำร่างท่านผ่าพิสูจน์ ตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ และนำร่างท่านกลับมาในคืนวันเกิดเหตุ เพื่อทางวัดจะได้ดำเนินการตามธรรมเนียมวัดป่าที่จะมีการฌาปนกิจให้เร็ว เป็นไปในแนวทางเดิม ซึ่งผลการผ่าพิสูจน์ได้ผลมาแล้ว ส่วนเรื่องกระบวนการว่าจะมีความผิดทางอาญา ว่าจะมีการวางเพลิง หรือเป็นการฆาตกรรม เป็นเรื่องที่จะมีการสืบสวนสอบสวนต่อไป
“เบื้องต้น ไฟไหม้เป็นลักษณะจากผนังด้านบนลงสู่ด้านล่าง ซึ่งจากร่องรอยที่เหลือให้เห็น ถือว่าเป็นไฟไหม้ที่เยอะมาก แล้วมาดับไฟได้ หลักฐานจึงมีน้อย แต่ทางกองพิสูจน์หลักฐานที่มีประสบการณ์ สามารถวิเคราะห์ได้รายละเอียดพอสมควร เป็นประโยชน์กับทางพนักงานสืบสวนและสอบสวน ว่า จะมุ่งประเด็นไปทางไหนได้มาก และขณะนี้ยังไม่ปรากฏหลักฐานเรื่องของการวางเพลิง มีแนวโน้มสูงที่จะไปเกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้าที่อาจจะลัดวงจร หรือสายไฟที่เก่าเสื่อมชำรุด ไม่ได้มาตรฐาน ที่อาจสะสมความร้อน เป็นแนวทางหลัก แต่ทั้งนี้เราก็ยังคงดำเนินการต่อ ในเรื่องของพยานบุคคล ให้สิ้นกระแสความสงสัยทั้งหมดให้ดีที่สุด วันนี้ทางกองปราบปรามลงพื้นที่มาแล้ว จึงได้มาสืบสวนสอบสวนร่วมกันกับตำรวจพื้นที่ ผลออกมาอย่างไรต้องจบ ซึ่งเรามั่นใจว่าเราได้ทำเต็มที่แล้ว”