คลื่นกัดเซาะถล่มชายฝั่งสงขลา ทำต้นสนขนาดใหญ่อายุกว่า 50 ปี ล้มไปแล้วกว่า 20 ต้น จนล่าสุดเหลือเพียง 5 ต้นสุดท้ายเท่านั้น

เมื่อวันที่ 2 ม.ค. ที่บริเวณทิวสนตรงข้ามเคียงเล 2 ถนนเลียบชายทะเล หมายเลข สข.2004 สงขลา-นาทับ ซึ่งเป็นต้นสนขนาดใหญ่อายุกว่า 50 ปี ถูกคลื่นกัดเซาะจนโค่นล้ม เนื่องจากตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค.เป็นต้นมา คลื่นลมในทะเลมีกำลังแรง คลื่นสูง 2-3 เมตร กัดเซาะชายฝั่งตลอดเวลา ส่งผลทำให้ต้นสนบริเวณริมชายหาดถนนเลียบชายทะเล หมายเลข สข.2004 ล้มเพิ่มอีกเป็นรอบที่ 5 หลังจาก 4 รอบที่ผ่านมาต้นสนริมชายหาดล้มระเนระนาดไปแล้วกว่า 20 ต้น

ทั้งนี้ หากสภาพคลื่นลมยังคงเป็นแบบนี้ ทิวสนบริเวณนี้จะถูกคลื่นกัดเซาะชายฝั่งเข้ามาพัดเอาดินทรายใต้โคนต้นสนกลับลงทะเลไป ทำให้ต้นสนริมชายหาดเหลือแต่รากพร้อมจะล้มเพิ่มอีกหลายต้นใน 1-2 วันนี้ เนื่องจากในวันนี้คลื่นลมแรง 2-3 เมตร ยังคงพัดถล่มชายฝั่งจังหวัดสงขลาอยู่ตลอดเวลาต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 5 ม.ค. ขณะเดียวกันทิวสนช่วงที่ใกล้เขื่อนหินกันคลื่นชั่วคราวจากเดิมมีประมาณเกือบ 20 ต้น ขณะนี้เหลือเพียง 5 ต้นเท่านั้น ส่วนทิวสนล๊อคที่สองที่เคยหนาแน่น ก็กำลังจะทยอยล้มเช่นเดียวกัน

ขณะเดียวกันถนนเลียบชายทะเล หมายเลข สข.2004 สงขลา-นาทับ ของกรมทางหลวงชนบทบริเวณที่คลื่นกัดเซาะรถวิ่งได้เลนเดียว ประมาณ 100 เมตร ที่มีการปิดกั้นจราจร ถูกคลื่นลมแรง 2-3 เมตรพัดถล่มชายฝั่งอยู่ตลอดเวลาอย่างต่อเนื่อง หวั่นคลื่นกัดเซาะเข้ามาจนทำให้ถนนพังเสียหายทั้งสองเลนจนถนนขาดพังเสียหายจนต้องปิดการจราจร กรมทางหลวงจะต้องนำหินใหญ่มาลงเสริมเขื่อนไหล่ทางให้แน่นหนาก่อนที่ถนนจะถูกกัดเซาะพังไปทั้งสองเลน