หนุ่ม กรรชัยไม่ให้ค่าน้ำมัน – จากกรณีก่อนหน้านี้ที่ นายสนธิญา สวัสดี ได้โพสต์ทวงค่าน้ำมันจากหนุ่ม กรรชัย สำหรับการไปร่วมรายการโหนกระแส โดยอ้างว่าไปออกรายการอื่นยังได้ 2,000 แต่สำหรับช่อง 3 รายการโหนกระแสที่อ้างว่าให้ค่าตัวแขกนาทีละหลายแสน โดยนายสนธิญาได้แจ้งเจตจำนงไว้ว่า
หากรายการโหนกระแสมีค่าน้ำมันรถยนต์ของผมมอบผ่านช่วยโควิด19 ของ ช่อง 3 ไปเลยครับ #แต่หากไม่มีครั้งหลังช่วยช่วยออกค่าน้ำมันรถยนต์ให้แขกที่ไปออกรายการหน่อยนะครับ กราบขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ
ซึ่งหนุ่ม กรรชัยได้โพสต์ชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวแล้วซึ่งในบางช่วงของคำชี้แจงนั้น หนุ่ม กรรชัย ได้ระบุไว้ว่า
ผมไม่มีเจตนาที่จะไม่ให้ค่าใช้จ่ายกับตัวคุณสนธิญาเลย แต่เหตุเพราะที่ผ่านมา ไม่ว่าทางนักการเมืองท่านใด หรือ ข้าราชการท่านไหนๆ ในทุกๆตำแหน่งที่มาออกรายการโหนกระแส ผมเคยนำเงินมอบให้กับท่านเหล่านั้น แต่ทุกท่านปฏิเสธหมด ไม่ยอมรับเงิน และให้เหตุผลกับผมว่า พวกเขาเป็นนักการเมือง เป็นข้าราชการ ไม่สมควรรับเงินจากรายการไหนๆที่ได้ไปออกเพื่อเป็นการชี้แจงข้อเท็จจริงให้กับประชาชนได้รับทราบ เพราะฉะนั้นการรับเงินจะเป็นการดูไม่เหมาะสมอย่างมาก
ซึ่งหลายคนอาจสงสัยว่าเจ้าหน้าที่รัฐสามารถรับสินทรัพย์ หรือโพสต์ทวงถามแบบนี้ได้หรือไม่ ทั้งนี้จึงจะขออ้างอิงบางส่วน ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเรื่อง หลักเกณฑ์การ
รับทรัพย์สินโดยธรรมจรรยาของเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ. 2543 อาศัยอำนาจตามความใน
มาตรา 103 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการ
ท ุจริต พ.ศ.2542 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติกำหนดหลักเกณฑ์และจำนวนสินทรัพย์หรือประโยชน์อื่นใดที่เจ้าหน้าที่ของรัฐจะรับจากบุคคลได้โดย
ธรรมจรรยา ไว้ดังนี้…
ข้อ 4 “ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคล
นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย หรือกฎ ข้อบังคับ ที่ออกโดย
อาศัยอ านาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เว้นแต่การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดย
ธรรมจรรยา ตามที่กำหนดไว้ในประกาศนี้”
ข้อ 5 “เจ้าหน้าที่ของรัฐ จะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยาตาม
หลักเกณฑ์และจำนวนที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กำหนดได้ ดังนี้…
(1) รับจากญาติที่ให้โดยเสน่หา ตามจำนวนที่เหมาะสมตามฐานานุรูป
(2) รับจากบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ญาติ ซึ่งมีราคาหรือมูลค่าในการรับจากแต่ละบุคคล
แต่ละโอกาสไม่เกิน 3,000 บาท
(3) การให้ที่เป็นการให้ในลักษณะให้กับบุคคลทั่วไป เช่น มูลนิธิแห่งหนึ่งแจกของ
ให้กับประชาชนทั่วไปคนละ 5,000 บาท โดยไม่ได้เลือกให้เฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือผู้ใด
ผู้หนึ่ง
จากข้อกำหนดเบี้องต้นการรับสินทรัพย์ไม่ใช่เรื่องผิดแเพียงแต่ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในแต่วาระโอกาสนั้นๆ อีกทั้ง แต่ขึ้น
นายสนธิญาก็แจ้งแล้วว่าขอมอบเงินจำนวนที่ตนเองต้องได้ไปบริจาตช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19
