ไม่เห็นหลวงพ่อหลายวัน ญาติโยมคอยส่งอาหารมาให้ ขอให้เข้าไปดู สุดท้ายช็อก เจอหลวงพ่อนั่งเปลือยกายมรณภาพ ไม่ต่ำกว่า 2 วัน
เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ต.วิษณุชัย คารม สว.สอบสวน สภ.เมืองบึงกาฬ ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ว่ามีพระมรณภาพอยู่ภายในกุฏิ ในวัดป่าโชติรสธรรมากร ข้างที่ว่าการอำเภอเมืองบึงกาฬ บ้านบึงสวรรค์ หมู่ 8 ต.บึงกาฬ อ.เมือง จ.บึงกาฬ จึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วย นพ.รณชัย เลิศพฤกษา แพทย์เวรโรงพยาบาลบึงกาฬ และหน่วยกู้ภัยนทีธรรม
ที่เกิดเหตุเป็นกุฏิชั้นเดียวยกสูง ในห้องนอนบนกุฏิปิดหน้าต่างบานเกล็ดไว้อย่างมิดชิด เปิดเพียงประตูห้องเอาไว้ และปิดด้วยประตูมุ้งลวด เมื่อเปิดเข้าไปพบศพของพระสงฆ์ มรณภาพอยู่ในสภาพนั่งคว่ำหน้าอยู่บนที่นอน สภาพเปลือยเปล่า ศพเริ่มส่งกลิ่นเหม็น บนที่นอนพบพัดลมตั้งพื้นเปิดทำงานอยู่เพียงเครื่องเดียว บริเวณรอบห้องมีกล่องนมที่ดื่มแล้ว และถ้วยชามอาหารที่พระฉันวางกองทิ้งไว้
จากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบร่องรอยการรื้อค้นทำลายข้าวของ ร้อยเวรจึงให้กู้ภัยนำร่างออกมาพิสูจน์ด้านนอกห้อง โดยหลังชันสูตรพลิกศพพบว่าไม่มีร่องรอยบาดแผลถูกทำร้ายแต่อย่างใด มีเพียงคราบเลือดที่ไหลออกมาจากทางจมูกเนื่องจากอยู่ในสภาพคว่ำหน้า
สอบถาม พระมหาลำพุน เดชรักษา อายุ 46 ปี พระลูกวัด ที่มีกุฏิอยู่ด้านหน้ากุฏิของพระที่มรณภาพ กล่าวว่า ตนไม่พบเห็นพระรูปดังกล่าวมานานกว่า 3 วัน ไม่ออกมาบิณฑบาต ไม่ออกจากกุฏิทำกิจของสงฆ์เลย พบเห็นเพียงญาติโยมนำอาหารมาส่งให้ในยามเช้า และอาหารยังวางอยู่ระเบียงหน้าห้องนอนเหมือนเดิม เมื่อช่วงเย็นโยมที่คอยส่งข้าวส่งน้ำโทรมาบอกว่า ให้เข้าไปดู เพราะไม่เห็นออกจากห้องมานานหลายวันแล้ว
ตนจึงเดินขึ้นไปบนกุฏิที่เปิดประตูหน้าห้องไว้ มองดูผ่านมุ้งลวดถึงกับตกใจพบว่าพระรูปดังกล่าวอยู่ในสภาพเปลือยกาย นั่งคว่ำหน้า เสียชีวิตในห้อง จึงเข้ามาปิดพัดลมและนำผ้ามาคลุมศพไว้ และแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านทราบ โดยพระรูปดังกล่าวได้มาอาศัยอยู่ในวัดป่าโชติรสมานานแล้ว ที่ผ่านมาไม่เห็นญาติโยมมาเยี่ยมเลย
หลังแพทย์ชันสูตรเบื้องต้นคาดมรณภาพมาแล้วไม่ตํ่ากว่า 2 วัน โดยไม่ทราบสาเหตุ ไม่พบประวัติการรักษาทางการแพทย์ หรืออาจจะเกิดจากวูบกะทันหัน โดยหลังจากการตรวจสอบเอกสารทราบชื่อ พระดุลยธารค์ ยสตุโล (ชื่อเดิม นายดุลยธารก์ ) อายุ 76 ปี ภูมิลำเนาสามเสน เขตดุสิต กทม.
อุปสมบทเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.38 ไม่พบเอกสารอื่นใด ร้อยเวรเจ้าของคดีจึงให้หน่วยกู้ภัยนทีธรรม ห่อศพด้วยผ้าขาว และนำเอาร่างผู้เสียชีวิตใส่โลงศพ นำไปตั้งไว้ศาลาเพื่อให้ทางวัดบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป
