หมอเฉลิมชัย เผย โอมิครอน มาแรงแซงเดลต้า ชี้ขณะนี้สายพันธุ์หลักในประเทศไทยเป็นโอมิครอนโดยสมบูรณ์แล้วและหวังว่าจะไม่มีไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่
เมื่อวันที่ 18ม.ค.65 หมอเฉลิมชัย หรือ นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเพจ Chalermchai Boonyaleepun ระบุว่า
โอมิครอนมาแรงแซงเดลต้าแล้ว เป็นสายพันธุ์หลักถึง 97.1% เบียดเดลต้าลงไปเหลือเพียง 2.8% เป็นที่ทราบกันมาตลอดช่วงสองเดือนที่ผ่านมาว่า โอมิครอนเป็นไวรัสที่มีความสามารถในการแพร่ระบาด มากกว่าเดลต้าเนื่องจากมีการกลายพันธุ์ของสารพันธุกรรมในส่วนที่สร้างหนามมากกว่าเดลต้า 3.5 เท่าจึงมีการติดตามสถานการณ์ในประเทศต่างๆว่า โอมิครอนจะเป็นสายพันธุ์หลักของแต่ละประเทศ ในช่วงเวลาสั้นยาวเพียงใด
สำหรับประเทศไทย ขณะนี้มีตัวเลขที่ชัดเจนแล้วว่า จากการเก็บตัวอย่างผู้ติดเชื้อในช่วงวันที่ 3-16 มกราคม 2565 ตรวจพบเป็นโอมิครอนมากถึง 97.1% ในขณะที่เดลต้าลดลงไปเหลือเพียง 2.8% เหตุการณ์ดังกล่าวใช้เวลาเปลี่ยนแปลงเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้นกล่าวคือ
6 ธันวาคม 2564 เริ่มพบเคสแรกของไวรัสโอมิครอน
10 ธันวาคม 2564 โอมิครอนเป็นสัดส่วน 1.5%
11-19 ธันวาคม 2564 เพิ่มขึ้นเป็น 3.3%
20-26 ธันวาคม 2564 เพิ่มเป็น 28.8%
27-28 ธันวาคม 2564 เพิ่มเป็น 66.5%
2-8 มกราคม 2565 เพิ่มเป็น70.3%
และล่าสุดเก็บข้อมูลช่วง 3-16 มกราคม 2565 โดยศูนย์จีโนมคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี พบโอมิครอนมากถึง 97.1% และเดลต้าลดลงไปเหลือเพียง 2.8% จึงสามารถสรุปได้ว่า โอมิครอนกลายเป็นสายพันธุ์หลักของผู้ป่วยโควิดในประเทศไทยแล้ว ภายในเวลาเพียงเดือนเดียว
ส่วนกรณีผู้ติดเชื้อสะสมที่เป็นโอมิครอนนับเป็นรายคนนั้นพบว่า
20 ธันวาคม 2564 พบสะสม 97 ราย
23 ธันวาคม 2564 พบ 205 ราย เพิ่ม 2.1 เท่า
26 ธันวาคม 2564 พบ 514 ราย เพิ่ม 2.5 เท่า
29 ธันวาคม 2564 พบ 934 ราย เพิ่ม 1.8 เท่า
1 มกราคม 2565 พบ 1551 ราย เพิ่ม 1.7 เท่า
และจนถึงวันที่ 17 มกราคม 2565 พบเกือบ 10,000 ราย เป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่ชะลอช้าลงเป็นลำดับ
สรุปได้ว่า
1. ไวรัสก่อโรคโควิดสายพันธุ์โอมิครอน แพร่ระบาดเร็วกว่าไวรัสสายพันธุ์เดลต้ามาก
2. ขณะนี้สายพันธุ์หลักในประเทศไทย เป็นโอมิครอนโดยสมบูรณ์แล้ว พบมากถึง 97.1% เดลต้าเหลือ 2.8%
3. จำนวนผู้ติดเชื้อโอมิครอนยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ในลักษณะอัตราเร่งที่ลดลง
4. ทิศทางของจำนวนผู้ติดเชื้อโอมิครอนจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป แต่ในลักษณะความชันที่ลดลงเมื่อเทียบกับประเทศตะวันตก และคาดว่าคงใช้เวลาอีก 1-3 เดือน จึงจะขึ้นสู่พีคสูงสุด หลังจากนั้นจึงจะเริ่มลดลงเป็นลำดับ
และหวังว่าจะไม่มีไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ (Pi : พาย) ที่มีความสามารถในการแพร่ระบาดมากกว่าโอมิครอนเกิดขึ้นเพราะถ้าเป็นเช่นนั้น ก็จะมีระลอกที่ห้า โดยไวรัสสายพันธุ์ใหม่นั้น และจะแซงโดยเบียดโอมิครอนให้ตกไปเหมือนที่โอมิครอนเคยเบียดเดลต้าให้ตกไป เดลต้าก็เคยเบียดอัลฟ่าให้ตกไป และอัลฟ่าเคยเบียดสายพันธุ์อู่ฮั่นให้ตกไปในอดีตนั่นเอง
ข่าวที่น่าสนใจ
สธ. เผย ผลภูมิคุ้มกันโควิด19 จากวัคซีน 8 สูตร ของไทย แนะประชาชน รีบฉีดเข็มกระตุ้นด่วน
สาวกุมขมับ! รถหาย ถูกขโมยขายฝั่งพม่า ตามจนเจอรถตัวเองแท้ๆ แต่ต้องมาซื้อคืน
แม่ค้าเผย ซีอิ๊วขาว ปรับราคาเงียบรับภาษีความเค็ม ด้านน้ำมันปาล์มราคาชนเพดาน