แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เข้าเยี่ยม “พี่กี้ร์” นายอริสต์มัน พงศ์เรืองศ์รอง แกนนำ นปช. อีกคนที่ถูกศาลตัดสินจำคุก นอนคุกพัทยาครบ 3 เดือน พร้อมร่วมประณามมือวางระเบิดโรงพยาบาล
16 มิ.ย.60 นายจตุพร พรหมพันธ์ , นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ , นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ แกนนำกลุ่มเสื้อแดงและสมาชิกฯ เดินทางมาเยี่ยม นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง พร้อมเพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่ถูกจองจำอยู่ภายในเรือนจำใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน
นายจตุพร พรหมพันธ์ กล่าวว่า ได้เดินทางมาเยี่ยมเพื่อนผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกันซึ่งอีก 5 วันก็ครบ 3 เดือนเต็มที่ถูกจองจำที่เรือนจำพัทยา ซึ่ง 3 เดือนมานี้ ทั้งหมดได้พยายามปรับตัวและเข้าใจในชะตากรรม ตามที่เคยพูดไว้ทุกครั้งว่าหนทางการต่อสู้นั้นไม่ตายก็ติดคุก มีทางเลือกแค่ 2 ทาง และนี่ก็เป็นอีกทางหนึ่งคือการติดคุก และในคดีที่ สภ.เมืองพัทยา ยังอยู่ในขั้นตอนของพนักงานสอบสวน ตามที่เรียนว่าคดีนี้อยู่ในอำนาจของ สน.ดุสิต ตั้งแต่ต้น เพราะฉะนั้นการที่ยกสำนวนมายัง สภ.เมืองพัทยา จะมีปัญหาค่อนข้างจะชัดเจน ซึ่งก็ต้องต่อสู้กันไป ขณะนี้ทีมทนายความทำหน้าที่กันอยู่ ตลอดระยะเวลาร่วม 10 ปี พวกเราขึ้นศาลกันมาโดยตลอด เข้าคุกออกคุกกันอยู่อย่างนี้ก็รู้ว่าจะต้องทำกันอย่างไรต่อไป
นายจตุพร ยังกล่าวถึงเหตุระเบิดในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ว่า ติดตามข่าวมาตั้งแต่ต้น นายกรัฐมนตรีก็เคยพูดว่า มีการจ้างทหารหรือตำรวจนอกแถวมากระทำการ จนกระทั่งจับกุมวิศวกรของการไฟฟ้าฯ ที่เกษียณอายุราชการมา 2 ปีแล้ว และในข่าวมีการระบุว่าพบภาพของอดีตนายกฯ ทักษิณ มีผ้าสีแดงใหม่เอี่ยม และอุปกรณ์ประกอบระเบิดต่าง ๆ และมีการให้ข่าวว่าผุ้ต้องในคดีนี้กระทำการตั้งแต่ปี 2550 นปช. ได้ออกแถลงร่วมกันประณามการกระทำดังกล่าว อย่าว่าแต่เป็นคนเสื้อสีอะไรเลยเป็นคนก็ยังไม่ได้ เป็นเรื่องที่ทุกคนไม่มีใครเห็นด้วย เพราะผู้ที่ไปรักษาอาการเจ็บไข้ได้ป่วย จะเป็นทหารหรือพลเรือนก็ตามซึ่งไม่รู้อิโหน่อิเหน่ไม่ควรได้รับชะตากรรมแบบนั้น
นายจตุพร กล่าวต่อว่า ในทางคดีความเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ หลักของกฎหมายก็ชัดเจนว่าจนกว่าคดีถึงที่สุดให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้นั้นคือผู้บริสุทธิ์ เพราฉะนั้นขั้นตอนต่างๆ อยากให้เจ้าหน้าที่ทหารปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ การเอาตัวไปไว้ 7 วันแล้วนำตัวมาให้ตำรวจพร้อมคำสารภาพ คือคนไทยจะมีความเคยชินแบบนี้ แต่ผู้ที่กระทำผิดจริงๆ ควรได้รับการประณามและสาปแช่งเพราเป็นการกระทำที่อำมหิต แต่ว่ารูปแบบคดีต่างๆ ที่คนไทยอยากเห็นคือการทำคดีอย่างตรงไปตรงมา พวกผมไม่เห็นด้วยกับการกระทำแบบนี้และเคยประณามกันมาแล้วเช่นเดียวกับคนไทยทุกคน