รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เชื่อ เจ้าหน้าที่ป้องกันมือที่ 3 แทรกแซงวัดธรรมกาย ย้ำสาเหตุใช้ ม.44 นายกรัฐมนตรี ชี้แจงหมดแล้ว ขอไม่พูดความคืบหน้า ปัดให้สุวพันธ์เป็นผู้ตอบ
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า ยังไม่ทราบถึงรายละเอียดของการหารือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทวิภาคีไทย-สหรัฐฯ จะครบ 200 ปี ในปี 2560 โดยเอกประวิตร คาดว่าเป็นการติดตามความคืบหน้าของทั้งสองประเทศ ส่วนกรณีการดำเนินการกับวัดพระธรรมกาย ตนเองไม่ทราบในรายละเอียด จึงไม่อยากพูดเดี๋ยวจะหาว่ามั่ว แต่ที่ผ่านมาได้รับรายงานมาโดยตลอด จาก ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค1 ทั้งนี้ได้มอบหมายให้ นายสุวพันธ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ดูแลในเรื่องดังกล่าว พร้อมทั้งมอบหมายให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ดูแลในเรื่องนี้ ซึ่งมั่นใจว่าเรื่องนี้ต้องคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น และทุกฝ่ายต้องยอมรับ เพื่อไม่ให้เกิดการปะทะเสียเลือดเนื้อ โดยยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้ปล่อยให้มวลชนเข้าไปสนับสนุนเพิ่มเติม แต่ยอมรับว่าทางวัดพระธรรมกายก็มีทั้งคนที่ชื่นชอบและไม่ชอบเหมือนกัน
ส่วนกรณีที่มีผู้เสียชีวิต 1 ราย จากการฆ่าตัวตาย ประท้วงให้ยุติการใช้มาตรา 44 นั้น ไม่ขอวิจารณ์ ขอให้ไปถามคนในพื้นที่ คือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ส่วนการจับกุมอดีตนายตำรวจ ที่พกอาวุธเข้าพื้นที่วัดพระธรรมกายนั้น ก็ต้องว่ากันตามกระบวนการกฎหมาย
ส่วนกรณีที่พระเมียนมา เดินขบวนขอให้รัฐบาลไทย ไม่ใช้ความรุนแรงกับพระสงฆ์นั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น เป็นเรื่องนอกประเทศต่อเนื่องจากนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจง ถึงความจำเป็นในการใช้มาตรา 44 อย่างละเอียดแล้วในการดำเนินการ ซึ่ง คสช. เป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ ได้มีความพร้อมป้องกันมือที่สามอยู่แล้ว
ทั้งนี้ พลเอกประวิตร ปฏิเสธตอบ กรณีกองทัพภาคที่1เชิญนายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย เข้าพบ เนื่องจากการแสดงความคิดเห็นเรื่องวัดพระธรรมกาย โดยระบุว่า เป็นเรื่องของ คสช. ที่ได้ติดตามการเคลื่อนไหว ไม่ทราบในรายละเอียด ส่วนการดำเนินการเพื่อสร้างความปรองดอง ยืนยันเดินหน้าได้เรื่อยๆ ซึ่งที่ผ่านมาทุกพรรคการเมือง ได้ให้ความร่วมมือ ตอบรับมาเสนอข้อคิดเห็นโดยตลอด ตั้งแต่มีการรับฟัง