“พลังประชารัฐ” โต้เสียงวิจารณ์ ! ปัดชี้นำ”กกต.” เอื้อประโยชน์แบ่งเขตเลือกตั้ง ลั่นยังวางตัวผู้สมัครไม่เสร็จ
วันที่ 1 ธ.ค. นายวิเชียร ชวลิต นายทะเบียนพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อาจแบ่งเขตเลือกตั้งเอื้อให้กับพรรค พปชร.ว่า การแบ่งเขตเลือกตั้ง 350 เขตเป็นหน้าที่และอำนาจของ กกต. ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ส่วนพรรคการเมืองต่าง ๆ รวมทั้งพรรค พปชร.ได้เข้าร่วมประชุมกับ กกต.พร้อมเสนอความเห็นต่อการแบ่งเขตเลือกตั้งไปแล้ว การจะตัดสินใจอย่างไรในชั้นสุดท้ายเป็นดุลพินิจของ กกต. ซึ่งไม่ขอก้าวล่วงการตัดสินใจ ทั้งนี้ ยืนยันว่าพรรค พปชร.ไม่ได้กดดันหรือชี้นำสั่งการองค์กรอิสระได้
นายวิเชียร กล่าวต่อว่า ช่วงสุดสัปดาห์นี้จนถึงช่วงกลางเดือน ธ.ค. พรรค พปชร. จะลงไปสนับสนุนสมาชิกของพรรคที่ จ.ร้อยเอ็ด กระบี่ ลำปาง เพื่อประชุมจัดตั้งสาขาของพรรคในภาคต่างๆ โดยตามกฎหมายพรรคการเมืองต้องมีการเลือกหัวหน้าสาขาของพรรคประจำภาคและกรรมการรวม 9 คน เมื่อมีสาขาภาคครบถ้วนแล้วจะเป็นขั้นตอนในเรื่องการคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส. คาดว่าในกลางเดือนพรรคจะจัดประชุมใหญ่ครั้งที่ 2 เพื่อทำการแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครส.ส.ของพรรคอย่างเป็นทางการรวม 11 คน ประกอบด้วย กรรมการบริหารพรรค 4 คน และสมาชิกพรรค 7 คน โดยคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครจะมีหน้าที่กำหนดหลักเกณฑ์ กระบวนการต่าง ๆ ทั้งการรับเอกสารแสดงความจำนงจากสมาชิกตลอดจนขั้นตอนตามกฎหมายทั้งหมด
นายทะเบียนพรรค พปชร. กล่าวอีกว่า ตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับที่ 13/2561 ให้ยกเว้นการทำไพรมารีโหวต แต่ได้กำหนดให้คณะกรรมการสรรหาผู้สมัครต้องเปิดรับฟังความเห็นจากหัวหน้าสาขาภาค ตัวแทนพรรคประจำจังหวัด และสมาชิกพรรค ในการคัดเลือกตัวผู้สมัครก่อนนำเสนอให้พรรคพิจารณาด้วย โดยขั้นตอนนี้พรรคให้ความสำคัญอย่างมาก เพราะแสดงให้เห็นถึงกระบวนการมีส่วนร่วมของสมาชิกพรรคอย่างแท้จริง
“ใครที่วิจารณ์ว่าพรรค พปชร. เตรียมผู้สมัคร ส.ส. เสร็จเรียบร้อยแล้วหรือวางตัวกันครบทุกเขตแล้ว จึงไม่เป็นความจริง ยืนยันว่าเราอยู่ในขั้นตอนดำเนินการ เพียงแต่ต้องบอกความจริงว่า เรามีความพร้อมในเรื่องตัวบุคลากรที่จะเสนอตัวเป็นผู้สมัครมากกว่าพรรคอื่น และมั่นใจว่าเมื่อถึงกระบวนการสรรหาผู้สมัครแล้วจะไม่เกิดปัญหาความขัดแย้งในเรื่องการทับซ้อนพื้นที่”นายวิเชียร กล่าว