ย้อนตำนาน ที่ดินอัลไพน์ ปฐมบทที่ศาล พิพากษาจำคุก นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้ถูกควบคุมในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
สำหรับที่ดินแปลงสวย เมื่อปี 2512 นางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา หรือยายเนื่อม ได้ทำพินัยกรรมบริจาคที่ดิน จำนวน 2 แปลง เนื้อที่ 924 ไร่ ในอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ให้วัดธรรมิการามวรวิหาร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเป็นพุทธบูชา โดยต้องการให้วัดเก็บค่าเช่าและนำเงินมาทำนุบำรุงพระศาสนา
กระทั่งยายเนื่อมเสียชีวิต เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2514 ที่ดินจึงตกเป็นของวัดธรรมิการามวรวิหาร ตามพินัยกรรม จากนั้น เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2533 นายเสนาะ เทียนทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เห็นว่าวัดธรรมิการาม วรวิหาร ไม่มีสิทธิ์ในที่ดินมรดกของทั้งสองแปลง เนื่องจากไม่สามารถถือครองที่ดินได้เกิน 50 ไร่ พร้อมให้เจ้าอาวาสวัดธรรมิการามวรวิหาร ทำตามพินิยกรรมข้อ 4 ของยายเนื่อม โดยมอบที่ดินทั้งสองแปลงให้มูลนิธิมหามกุฎราชวิทยาลัยฯ จัดการผลประโยชน์ เพื่อใช้ในกิจการของวัดแทน
ต่อมาวันที่ 31 สิงหาคม 2533 มูลนิธิมหามกุฎราชวิทยาลัยฯ ได้จดทะเบียนโอนที่ดินทั้งสองแปลงเป็นกรรมสิทธิ์ของมูลนิธิ และในวันเดียวกันมูลนิธิฯ ได้ขายที่ดินให้บริษัทอัลไพน์ ที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่ในขณะนั้นคือนางอุไรวรรณ เทียนทอง ภริยานายเสนาะ ในราคาไร่ละ 150,00 บาท รวมมูลค่า 142 ล้านบาท จากนั้นในวันเดียวกัน ก็มีการนำที่ดินไปจำนองกับสถาบันการเงิน จำนวน 220 ล้าน เพื่อทำสนามกอล์ฟและหมู่บ้านหรู ต่อมาได้โอนขายหุ้นให้กับคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร ภรรยานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในราคา 500 ล้านบาท
ท่ามกลางกระแสสังคมที่เข้ามาตรวจสอบที่ดินแปลงนี้เป็นอย่างมากในขณะนั้น ทำให้มีการส่งตีความ ก่อนที่กฤษฎีกา จะสรุปเมื่อปี 2543 ว่ามูลนิธิฯ ต้องโอนที่ดินตามพินัยกรรมยายเนื่อมให้แก่วัด ทำให้อธิบดีกรมที่ดินเพิกถอนโฉนดที่ดิน แต่นายยงยุทธ์ รักษาการปลัดกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น ได้เพิกเพิกถอนคำสั่งยกเลิกโฉนดที่ดินและรับรองการซื้อขายที่ดิน กระทั่งล่าสุดศาลฎีกาไม่รับคำร้องขอฎีกาของนายยงยุทธ์ และเห็นพ้องกับศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ที่พิพากษาจำคุกนายยงยุทธ์ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ถือเป็นการปิดฉากในคดีธรณีสงฆ์ที่เป็นข่าวโด่งดังข้ามทศวรรษ