วานนี้ 3 ธ.ค. 63 ทนายอานนท์ นำภา ทนายความเพื่อสิทธิ และแกนนำกลุ่มราษฎร 63 โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับจุดแข็งและจุดอ่อนของขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยในขณะนี้ โดยระบุว่า
“ความเห็นผม …ผมว่าจุดแข็งและเป็นจุดชี้วัดการต่อสู้ครั้งนี้คือ ความเห็นร่วมกันว่าสังคมมีปัญหา และแก่นของปัญหาคืออำนาจนิยมที่คอยกัดกินสังคมไทย รวมทั้งอำนาจนิยมที่ซึมลึกลงไปถึงระดับโรงเรียน ดังจะได้เห็นการลุกขึ้นสู้ของน้องๆมัธยมจำนวนมาก
ศาลรัฐธรรมนูญ แจ้งความ เพนกวิน หลังปราศรัย ม็อบราษฎร เข้าข่ายหมิ่น
ทราย เจริญปุระ ขอโทษ “การ์ดเสื้อแดง” ชี้ไม่มีเจตนากีดกันใครออกจากม็อบ
ทีนี้พอภาพการต่อสู้มันชัดขึ้น มันขยายขนาดใหญ่ขึ้น ปัญหาและอุปสรรคต่างๆมันก็จะตามมา ทั้งในแง่ยุทธศาสตร์และวิธีการ รวมทั้งท่าทีในการอยู่ร่วมกัน แต่ปัญหาที่เกิดขึ้น มันคือสิ่งที่ต้องร่วมกันแก้ไข ไม่ใช่ผลักไส ทุกคนถือหุ้นเท่าๆกัน มี 1 เสียงเท่ากันในขบวนนี้ ไม่มีใครเป็นแกนนำหรือเจ้าของเด็ดขาดในขบวน แต่เราแบ่งหน้าที่กันทำในแต่ละสถานการณ์
อย่างผม บางครั้งผมก็ขึ้นเวทีพูดปราศรัย บางครั้งก็ไปช่วยเป็นแรงงานขนของ ตอนปะทะก็พยายามไปร่วมสู้กับเพื่อนๆ (แม้จะวิ่งหลบแก๊สก่อนเพื่อนแต่ก็พยายามไปและยืนตรงนั้นกับเพื่อนๆแล้ว) และบางครั้งก็ช่วยดูแลในม็อบเป็นการ์ด เป็นผู้ร่วมชุมนุม เป็นคนเขียนเฟซบุ๊กเผยแพร่ ฯลฯ คือเป็น…อะไรก็ได้ที่มีส่วนในขบวน ผมทำได้หมด
เปิดภาพ เด็กหญิงร้องไห้กอด รุ้ง ปนัสยา เผย สนใจการเมือง-สงสารโดนม.112
เราแบ่งงานกันทำ ช่วยกันประคับประคองขบวน ช่วยขยายแนวร่วมและพยายามสงวนจุดต่าง ไม่มีใครเป็นคนมีสิทธิขาดใดๆ เราคือราษฎร ที่กินขี้ปี้นอนเหมือนกัน อยากให้ช่วยกันวิจารณ์ขบวนอย่างเข้มข้น และช่วยกันระดมแก้ปัญหาร่วมกัน เพราะฝ่ายตรงข้ามเข้าก็เริ่มเห็นแผลภายในเราแล้ว
เส้นทางมันอันตราย และยาวไกล อยากให้ทุกคนหนักแน่น ช่วยกันดูแลใจกันไป และอยากให้ทุกคนถือความเป็นหุ้นส่วนของขบวนเท่าๆกัน ลด ละ เลิก ความศักดิ์สิทธิ อัตตา และอื่นๆ ศัตรูอยู่ข้างหน้ากำลังจ้องตาเราอยู่ อย่าวอกแวกลังเลให้เขาเห็น ผมในฐานะหุ้นส่วนคนนึง จะทำหน้าที่ให้ดีเช่นกัน เชื่อมั่นและศรัทธา
อานนท์ นำภา
3 ธันวาคม 2563″