นาย ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล คำต่อคำ ต่อกรณี ‘ปิดสวิตช์ ส.ว. ’ : “ผมคิดว่าผู้แทนราษฎรต้องพยายามทำให้ถึงที่สุดก่อน ในฐานะที่เรามาจากเสียงของประชาชน”
โดยในฐานะเลขาธิการพรรคก้าวไกลต่อคำถามจากประชาชนและสื่อมวลชนในวาระการแถลงจุดยืนและข้อเสนอของพรรควันนี้ (26 ส.ค. 2563) ดังต่อไปนี้
ธนาธร ทวิตสงสัยมีคนพยายามเลี่ยงการพิจารณางบซื้อเรือดำน้ำ
คำถาม : ในเรื่องความเป็นไปได้ ทางพรรคเพื่อไทยได้พูดไว้เหมือนกันว่า การปิดสวิตช์ ส.ว. ของพรรคก้าวไกล (ยกเลิกตั้งแต่ 269-272) มีโอกาสน้อยมากที่จะต้องยกออกไปทั้งหมด แต่ที่ ส.ว. บางส่วนให้ความเห็น ยกเลิกเฉพาะบางเรื่อง เช่น อำนาจเลือกนายกรัฐมนตรี เพราะว่าสามารถแก้ได้เลยโดยไม่ต้องทำประชามติ กลายเป็นว่าทำให้ ญัตติของพรรคก้าวไกลที่จะนำเสนอ แทบไม่มีโอกาสเป็นไปได้เลย
ตอบ : เราได้ย้ำไปแล้วว่า การจะแก้ไขอะไรได้หรือไม่ได้ เราเชื่อมั่นว่าเสียงของพี่น้องประชาชนข้างนอกสำคัญที่สุด ถ้าเรามองผ่านการทำรัฐธรรมนูญ ฉบับ 2540 ตอนนั้นเสียงในสภาทั้งหมดก็แทบไม่เห็นด้วย แต่สุดท้ายเมื่อประชาชนชูธงเขียวกันทั้งประเทศ ส.ส.ทั้งหมด รวมทั้ง ส.ว. ก็ต้องยอมผ่าน
ลำดับต่อมา การแก้รัฐธรรมนูญไม่ว่า มาตรา 256 หรือมาตราใด ต้องอาศัยเสียง ส.ว.ทั้งสิ้น หากบอกว่าจะแก้แบบนั้นแบบนี้แล้ว ส.ว.ไม่ยอม จะแก้ไม่ได้ ตรงนี้ก็จะต้องคิดแบบนี้ทุกมาตรา อย่างไรก็ตาม เราเชื่อมั่นว่า มาตราหรือข้อบัญญัติที่เป็นปัญหา ประชาชนแทบจะเห็นร่วมกันเป็นฉันทามติแล้วรวมทั้งเรื่อง มาตรา 272 ด้วย
ถามว่า การเสนอปิดสวิตช์ ส.ว. ด้วยการยกเลิกมาตรา 269-272 จะมีปัญหาหรือไม่ ในเมื่อเสนอให้มีการยกเลิกทั้งแผง 4 มาตรา ในทางปฏิบัติเราได้ร่วมพูดคุยกับพรรคร่วมฝ่ายค้านแล้วว่า เพื่อไม่ให้มีปัญหาโดนตีตกไปทั้งแผง เราเสนอให้แยกการปิดสวิตช์ ส.ว.เป็น 3 ญัตติ ญัตติที่หนึ่ง ยกเลิกมาตรา 269 เพื่อยกเลิก ส.ว. 250 คนที่มาจากการแต่งตั้งของ คสช. แล้วให้ไปใช้ ส.ว. 200 คน ตามหมวดปกติ
ญัตติที่สอง ยกเลิกมาตรา 270 และ 271 เกี่ยวกับการออกกฎหมายปฏิรูปประเทศ เพื่อให้กลับมาใช้กระบวนการนิติบัญญัติตามปกติ ไม่ได้ให้อำนาจพิเศษกับ ส.ว.ในการพิจารณากฎหมายที่ถูกตีความว่าเป็นการปฏิรูปประเทศ
ญัตติที่สาม ยกเลิกมาตรา 272 ไม่ให้ ส.ว.มีอำนาจร่วมในการเลือกนายกฯ
เราแยกออกมาเป็น 3 ญัตติ ลักษณะนี้ ซึ่งแม้แต่พรรคร่วมรัฐบาลที่เราเคยคุยด้วยทั้งหมดก็ไม่มีใครเห็นด้วยกับ มาตรา 272 ยกเว้น ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐที่ไม่ได้แสดงท่าทีอย่างไรต่อเรื่องนี้ แต่ผมยืนยันว่า ส.ส.ในรัฐสภาทั้งหมด ประชาชน รวมถึง ส.ว.บางส่วนก็แสดงท่าทีออกมาชัดเจนแล้วว่า ยอมได้ที่จะตัดอำนาจในการเลือกนายกฯ ดังนั้น ญัตติยกเลิกมาตรา 272 ก็จะผ่านได้โดยไม่ต้องไปเกี่ยวพันกับการยกเลิกมาตรา 269 มาตรา 270 และ มาตรา 271
ถาม : ขณะนี้ เสียงทั้ง 3 ญัตติรวบรวมได้เท่าไหร่แล้ว ?
ตอบ : หลังจากนี้ เราจะเริ่มขอรายชื่อ เนื่องจากว่าเรารอมติของพรรคฝ่ายค้านหลักคือพรรคเพื่อไทย เมื่อพรรคเพื่อไทยมีมติไปแล้วอย่างที่สื่อมวลชนได้ทราบ เราก็จะต้องเดินหน้าขอเสียงจากพรรคร่วมฝ่ายค้าน และอาจจะรวมถึงพรรคร่วมรัฐบาลบางส่วนด้วย เพื่อให้มี ส.ส. ครบ 98 ท่าน ความจริงแล้วยังหวังว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทยจะหันมาร่วมกับเราด้วย
ถาม : เมื่อเทียบกับเหตุผลทางพรรคเพื่อไทยแล้ว การที่จะปิดสวิตช์ ส.ว. ทางคุณสุทิน คลังแสง ก็พูดว่า สสร. ควรเป็นผู้ปิดมากกว่า จะได้สะท้อนเจตจำนงประชาชนด้วย หากปิดสวิตช์ ส.ว. โดยไม่ให้ สสร. ปิด มาปิดในสภาก่อน จะทำให้เจตจำนงแท้จริงของประชาชนกลายเป็นการที่พรรคก้าวไกลคิดไปเองคนเดียวหรือไม่?
ตอบ : ขอย้ำอีกครั้ง คิดว่าสื่อมวลชนทราบดีว่าอำนาจ ส.ว.ในการเลือกนายกฯแทบจะเป็นฉันทามติแล้วในสังคมไทย ไม่ต้องรอ สสร. และอาจจะมีความเข้าใจผิด ดังที่แถลงไปแล้วว่า สสร. จะไม่ได้เป็นผู้พิจารณาบทเฉพาะกาล มาตรา 272 เป็นบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เป็นหัวใจของการสืบทอดอำนาจคณะรัฐประหารที่ถูกนำมาใส่ไว้ในบทเฉพาะกาล แต่เวลา สสร. พิจารณาเรื่องวุฒิสภา จะไม่ได้ไปดูที่บทเฉพาะกาล เขาจะพิจารณาว่า หลังจากนี้ ส.ว.ควรจะมีอยู่อีกหรือไม่อย่างไร ระบบรัฐสภาในการเมืองไทยควรจะเป็นสภาเดี่ยวหรือสองสภาอย่างที่เป็นอยู่ หากยังมีสองสภา ส.ว.ควรจะมีโมเดลอย่างไร จะไม่ได้มีการพิจารณาเรื่องบทเฉพาะกาลเลย ตรงนี้ต้องทำความเข้าใจ
เยาวชนแอบ ชู 3 นิ้ว ยิ้มร่าหลังนายกฯ สุดท้ายโดนวิจารณ์ยับ
เรามีเหตุผลและความจำเป็นที่จะต้องปิดสวิตช์ ส.ว.ควบคู่ไปกับ สสร. ลองนึกดูว่า กว่าญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 เพื่อตั้ง สสร.จะผ่านสภา 3 วาระ แล้วยังต้องลงประชามติ ซึ่งไม่รู้ว่าจะผ่านหรือไม่ อาจถูกเตะถ่วงแล้วไปล้มในวาระที่ 3 ก็ได้ หรือหากผ่าน กระบวนการเลือก สสร. กระบวนการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และการลงประชามติ ใช้เวลารวมกันแล้วเกือบ 2 ปี ระหว่างนั้น หากเกิดความเปลี่ยนทางการเมือง เช่น ยุบสภาหรือนายกรัฐมนตรีลาออก เราจะยังยอมให้ ส.ว.มีอำนาจในการเลือกนายกฯหรือไม่ สุดท้าย ถ้าลองพิจารณาปฏิทินทางการเมือง รัฐบาลที่มาจาก คสช. อาจจะยังอยู่ เพราะ ส.ว.มีอำนาจในการเลือกนายกฯ นี่เป็นกล่องดวงใจที่เขาหวงแหนที่สุด ไม่ใช่ สสร. ที่เขาอาจจะปล่อยให้ดำเนินการยืดเยื้อไปเท่าไหร่ก็ได้
สรุปก็คือ การแก้ไขบทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญ 2560 จะไม่ใช่ประเด็นที่ สสร.จะไปคุยกัน สอง เราไม่สามารถปล่อยให้ ส.ว.มีอำนาจเลือกนายกฯรัฐมนตรีต่อไปได้ เพราะการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเกิดขึ้นได้เสมอและนี่เป็นหัวใจสำคัญ หากมีการเปลี่ยนทางการเมืองเกิดขึ้น และ ส.ว.ยังมีอำนาจในการเลือกนายกฯอีก เราคาดเดาไม่ได้ว่า ตอนนั้นความขัดแย้งทางการเมืองจะประทุไประดับไหน
การปิดสวิตช์ ส.ว.เป็นหลักประกันว่าจะไม่เกิดความขัดแย้งทางการเมืองอย่างรุนแรง และย้ำอีกครั้ง เรื่องนี้เป็นประเด็นที่แม้กระทั่ง ส.ว.เองยังเห็นด้วยมากกว่าการตั้ง สสร.เสียอีก ถ้าถามว่าวันนี้ ส.ว.จะยอมปิดสวิตช์มาตรา 272 หรือจะยอมให้ตั้ง สสร. จากท่าทีที่มีการเปิดเผยออกมาจากสื่อมวลชน จะพบว่ายอมปิดสวิตช์ ส.ว.มากกว่าการตั้ง สสร.
ถาม : เพื่อให้ตอบคำถามชัดกว่าจะได้ไม่ต้องรีเพลย์กันอีกหลายรอบ สรุปแล้ว 1) ทำไม สสร. ที่จะตั้งขึ้นจึงแก้บทเฉพาะกาลไม่ได้ 2) ถ้าสมมุติว่า ส.ว. ไม่ร่วมมือด้วย และทางฝ่ายค้านก็ไม่ร่วมเสนอญัตติด้วย ขั้นต่อไปจะทำอย่างไร?
เพจ CSI LA โพสต์ภาพ เครื่องบินล่า-ทำลายเรือดำน้ำสหรัฐฯ ราคาไม่แพงมีประสิทธภาพ
ย้ำอีกครั้งว่า สสร.ไม่ได้มีหน้าที่แก้รัฐธรรมนูญ 2560 รายมาตรา แต่เขาจะพิจารณาทั้งฉบับใหม่เริ่มจากการวางโครงว่า รัฐสภาจะมีสภาเดี่ยวหรือสองสภา ถ้ามีสองสภา ส.ว.จะมีหน้าตาอยางไร ตรงนี้เป็นคนละเรื่อง เขาจะไม่ได้หยิบยกว่ามาตรา 272 ในรัฐธรรมนูญควรยกเลิกหรือไม่ เป็นคนละกระบวนการกัน ตอนนี้ หลังจากยื่นญัตติให้มี สสร.แล้ว สิ่งที่พรรคก้าวไกลเสนอคือการแก้เป็นรายมาตรา เป็นคนละกระบวนการกับการจัดทำใหม่ทั้งฉบับ ถามว่าถ้ายื่นไปแล้วไม่ผ่านสภา ถูกตีตกไป ผมคิดว่าผู้แทนราษฎรจะต้องไปร่วมมือกับประชาชนข้างนอก ล่ารายชื่อ 50,000 ชื่อ หรือมากกว่านั้น เราคงไปเปิดเวทีทั่วประเทศแล้วมายื่นร่วมกันกับประชาชนที่รัฐสภา
ถาม : หมายความว่า ทั้ง 3 ญัตตินี้ ถ้าได้ชื่อไม่พอ ก็จะลงไปร่วมล่ารายชื่อกับประชาชนใหม่ แบบนี้ใช่หรือไม่?
ตอบ : วันนี้ผมคิดว่า ผู้แทนราษฎรต้องพยายามทำให้ถึงที่สุดก่อน ในฐานะที่เรามาจากเสียงของประชาชน
ถาม : นอกจากการออกมาแถลงจะมีการไปคุยกับพรรคฝ่ายค้านหรือพรรคร่วมรัฐบาลไหม ?
ตอบ : แน่นอน เพราะเราต้องการรวบรวมเสียงให้ถึง 98 เสียงเป็นอย่างน้อย
ถาม : ถ้าเสียงไม่พอจะไปดำเนินการร่วมลงชื่อกับประชาชนเลยหรือไม่?
ตอบ : ถ้าเสียงไม่พอ ก็คงจะต้องเป็นแบบนั้น
ถาม : ในกระบวนการร่วมลงชื่อกับประชาชนก็หมายความว่า จะไปตั้งโต๊ะตามที่ชุมนุม ใช่หรือไม่?
ตอบ : ใช่ครับ เราคงต้องไปเปิดเวทีทั่วประเทศ
