นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดข้อมูลรายได้คนไทย เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน สัญญา 4 ปจะเพิ่มรายได้ให้คนไทย
วันนี้ 21 พฤศจิกายน 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นั้นได้ออกมาเคลื่อนไหวและรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับภารกิจนายกรัฐมนตรีในวันนี้ ซึ่งจะมีการนัดประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) ณตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล มีวาระสำคัญที่พิจารณา อาทิ สำนักงบประมาณ เสนอรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 กรอบวงเงินงบประมาณ 3 ล้าน 4 แสน 8 หมื่นล้านบาท ที่สำนักงบประมาณได้กลั่นกรองโครงการงบประมาณ คำของบประมาณปี 2567 รายกระทรวงและหน่วยงานแล้วมาให้คณะรัฐมนตรีดูในรายละเอียด นอกจากนั้นยังมี การร่วมพิธีเปิด รถไฟฟ้าสายสีชมพู อย่างเป็นทางการ
ซึ่งหลังพิธีเปิด รถไฟฟ้าสายสีชมพู นายเศรษฐา นั้นได้ให้สัมภาษณ์ถึง อัตราค่าบริการรถไฟฟ้า ที่ในเบื้องต้นแจ้งว่า จะให้ใช้บริการฟรีถึงวันที่ 17 ธันวาคม โดยวันที่ 18 ธันวาคม เอกชนจะเริ่มเก็บค่าโดยสาร จะมีการหารือกับภาคเอกชนให้ขยายเวลาบริการฟรีไปจนถึงหลังปีใหม่หรือไม่ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ นายกฯ กล่าวว่า เดี๋ยวจะมีการพูดคุยกัน ซึ่งก็ต้องดูความเหมาะสมด้วย
สัญญาเพิ่มรายได้คนไทย
ล่าสุด ในเฟซบุ๊ก เศรษฐา ทวีสิน – Srettha Thavisin นายกเศรษฐาก็ได้พูดถึงรายได้ของคนไทยเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยอิงข้อมูลจาก IMF ซึ่งเมื่อเทียบรายได้ของคนไทยแล้ว ยังเรียกว่าต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งนายกเศรษฐา ก็ได้ให้คำมั่นว่า ภายในวาระ 4 ปีที่ดำรงตำแหน่ง จะพยายามฟื้นฟูคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดีที่สุด โดยมีข้อความระบุว่า
จากข้อมูลจะเห็นว่า รายได้ต่อหัวของพี่น้องคนไทย เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ บรูไน มาเลเซีย เราต่ำกว่าเขามาตลอด ขณะที่อันดับของประเทศก็แทบไม่ขยับเลยครับ ทั้งที่ความจริงแล้วประเทศไทยของเรามีศักยภาพสูงมากครับ เรามีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม มีบริการที่ดี มีทรัพยากรทางธรรมชาติมากมาย รวมถึงมีต้นทุนทางวัฒนธรรมสูง สามารถพัฒนาต่อยอดได้อีกมาก ถือว่าเราพร้อมในทุกด้านครับ แต่ที่ผ่านมาไม่อาจดึงศักยภาพที่เรามีออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ จนทำให้ไทยไปไม่ถึงจุดที่ควรจะเป็น
รัฐบาลต้องการเพิ่มรายได้อย่างเร่งด่วนให้กับพี่น้องประชาชน ให้มากเพียงพอกับค่าใช้จ่ายทุกวันนี้ครับ 4 ปีที่ได้รับมอบหมายจากประชาชนนี้ ผมจะขอทำทุกอย่างเต็มที่เพื่อให้พี่น้องคนไทยกินดีอยู่ดีทุกคนครับ
ทั้งนี้ นโยบายปากท้องของประชาชนที่กำลังเป็นกระแสสำคัญที่สุด นั้นคือโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ซึ่งก็ต้องรอติดตามกันต่อไปว่า คนไทยจะได้ใช้กันมากน้อยและเริ่มใช้ในวันใด
