วันที่ 25 กรกฏาคม 2563 นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้า พรรคกล้า พร้อมด้วย นายธันวา ไกรฤกษ์ โฆษกพรรค และ นางสาวภรณี วัฒนโชติ รองโฆษกพรรค ร่วมกันแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ “คน Gen กล้า” ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 กรกฎาคม ถึง 2 สิงหาคม 2563 โดยนายกรณ์ได้กล่าวถึงแนวทางการร่วมงานกับคนรุ่นใหม่เพื่อสร้างพรรคให้เป็น Platform ของคนทุกวัย ถ้าถามว่าทำไมต้องเป็นคนเจนกล้า ก็ต้องเรียนว่า ทุกเจนล้วนต้องมีความกล้า คือ กล้าที่จะลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงประเทศ แต่คนรุ่นใหม่ คือคนที่จะอยู่ต่อไปในโลกใบนี้ นานกว่าพวกเรา
“พรรคกล้า จึงอยากจะติดอาวุธให้พวกเขา เอาไปสร้างสรรค์โลกที่น่าอยู่ ได้แก่ 1.ติดอาวุธ ทางความคิด นี่เป็นยุคที่ทุกวงการถูกดิสรัปชั่นเร็วและแรงที่สุด ถ้าความรู้ความสามารถไม่สามารถตามได้ทัน พวกเขาจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง 2.ติดอาวุธ ทางการลงมือทำ คนรุ่นนี้ตื่นตัวเรื่องสิ่งแวดล้อมมากเป็นพิเศษ อาจเป็นเพราะคนรุ่นพวกผมได้ทำลายลงไปมาก พวกเราจึงอยากจะช่วลงมือสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี ด้วยการใช้เทคโนโลยีมาขับเคลื่อน เพื่อให้ทุกวัยอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข และ 3.ติดอาวุธ ทางจิตใจ ทั่วโลกเข้าสู่โหมดประเทศผู้สูงอายุ ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทยเรา คนรุ่นใหม่จะเป็นวัยทำงานที่หารายได้เข้าประเทศ ในขณะที่ผู้สูงอายุจะมากขึ้นเรื่อยๆ โครงการนี้จึงไม่ใช่แค่โครงการที่เน้นการขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าด้วยความเร็ว แต่ต้องขับเคลื่อนไปให้ไกลด้วยการจับมือกันไป ซึ่งจะไปได้อย่างยั่งยืนกว่า ซึ่งแน่นอน การติดอาวุธทั้ง 3 นั้น ต้องเป็นอาวุธที่สร้างสรรค์ ซึ่งเป็น DNA ของพรรคกล้า ซึ่งเราเชื่อว่าพลังที่บวก จะเป็นพลังที่สร้างโลกให้น่าอยู่ได้มากกว่า” นายกรณ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีม็อบนักศึกษาที่ออกมาต้านรัฐบาล พวกนั้นกล้าหรือไม่ นายกรณ์ กล่าวว่า คนรุ่นใหม่ถูกมองว่าเป็น Generation Me มาตลอด มันเป็นคำพูดที่มีความบุลลี่นะ ดูถูกว่าพวกเขาสนใจแต่ตัวเอง ซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช่เลย พวกเขาตื่นตัวกับทุกเรื่องที่สร้างผลกระทบกับชีวิตพวกเขา นี่ไง พอพวกเขาแสดงให้เห็นแล้วว่า พวกเขาไม่ได้สนใจแต่ตัวเองนะ แต่ยังสนใจการเมืองอีกด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะพวกเขาหวังจะเปลี่ยนแปลงประเทศไปในทางที่ดีขึ้น
ส่วนตัวมองว่าเป็นสิทธิที่จะทำได้ แต่ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย เพราะกฎหมายคือ สิ่งที่บัญญัติขึ้นเพื่อให้คนทุกเพศทุกวัย อยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างมีความสุข ไม่ใช่กฎของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง บางครั้งผู้ใหญ่อย่างเราก็คิดว่าเรารู้ทุกเรื่อง แล้วมองว่าสิ่งที่พวกเขาแสดงออกนั้นผิดไปหมด บางทีเราอาจจะผิดพลาดก็ได้ ลองหันมาพูดคุย รับฟังกัน เชื่อว่ามันมีทางออกในทุกๆ เรื่องอยู่แล้ว อย่างที่พรรคกล้าทำ เราก็เสนออีก 1 ทางออก คือมาเปลี่ยนประเทศ ในแบบสร้างสรรค์กัน
