ชลน่าน ยัน! ไม่ปล่อยมือ ‘ก้าวไกล’ รอนัด 8 พรรค ถกทิศทาง โหวตนายกฯ ยอมรับ ไม่พอใจ กับการตัดสิน ของ ประธานรัฐสภา
วันที่ 20 ก.ค. 66 ที่อาคารรัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.แบบบัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ถึงทิศทางการดำเนินงานของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลหลังจากนี้ ว่า จากเหตุที่เกิดขึ้น คือการที่ไม่สามารถจะเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ให้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ด้วยกระบวนการของรัฐสภาเอง ที่ได้วินิจฉัยว่าเป็นญัตติและได้ตีตกไป
นพ.ชลน่าน ระบุว่า เหตุการณ์นี้ไม่ควรเกิดขึ้นเป็นข้อที่จะผูกพันผูกมัดต่อไปด้วยคำวินิจฉัยของสภา จะเป็นข้อผูกมัดในการใช้ข้อบังคับของตัวเอง ซึ่งข้อบังคับนี้จะเป็นเฉพาะรัฐธรรมนูญมาตรา 172 เท่านั้น ตราบใดที่เราสามารถเปลี่ยนข้อบังคับนี้ไปใช้กับรัฐธรรมนูญมาตรา 159 ผลผูกพันจะลดไป เมื่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสิ่งที่ 8 พรรค ต้องดำเนินการต่อไปด้วย MOU ที่มีต่อกัน
โดยให้สิทธิพรรคแกนนำคือพรรคก้าวไกล เป็นผู้เริ่มทำทุกกระบวนการ ซึ่งขณะนี้ก็ยังรอให้พรรคก้าวไกลได้ประสานเพื่อนัดพูดคุยกันใน 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเท่าที่ทราบ เมื่อวานนี้เลขาธิการพรรคก้าวไกลและเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้มีการพูดคุยกันแล้วเบื้องต้น คาดว่าจะมีการนัดหมายกันเร็วๆนี้ หากสภามีมติแบบนี้ การวินิจฉัยข้อบังคับเมื่อวานนี้ย่อมมีผลผูกพัน
หากมีการวินิจฉัยว่าเป็นการใช้ข้อบังคับข้อ 41 ก็สามารถใช้ข้อบังคับข้อ 41 นั้น ในตัวมันเองได้ซึ่งมีวรรคท้ายอยู่กรณีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไปสามารถทำได้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหากมีการเพิ่มพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลเป็น 9 หรือ 10 พรรคจะทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปและเข้าเงื่อนไขของข้อบังคับที่ 41 ใช่หรือไม่
เมื่อถามว่า กรณีที่นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ให้ความเห็นว่าสามารถยื่นร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินว่ามติรัฐสภาขัดต่อรัฐธรรมนูญ นั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า สิ่งที่ อ.บวรศักดิ์ กล่าวคือบุคคลที่ถูกละเมิดสิทธิสามารถยื่นต่อผู้ตรวจการแผ่นดินได้เลย หากรู้สึกว่าการเสนอญัตติแล้วทำให้ตนไม่สามารถใช้สิทธิได้ หากผู้ตรวจการแผ่นดินไม่รับก็สามารถยื่นตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้เลย
เมื่อถามว่าต้องรออีกนานแค่ไหน เพราะประธานรัฐสภาได้นัดประชุมวาระเลือกนายกฯ ในวันที่ 27 ก.ค. นี้แล้ว นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล จะมีการนัดหมายพูดคุยกันเร็วๆนี้ รอพรรคก้าวไกลเป็นคนนัดหมาย อาจเกิดในวันนี้หรือพรุ่งนี้ ซึ่งเมื่อวานนี้ได้หารือในเบื้องต้นแล้ว
เมื่อถามว่าจะไม่มีการปล่อยมือพรรคก้าวไกลแน่นอนหรือไม่ นพ.ชลน่าน ตอบว่า “ขณะนี้ยังครับ”
เมื่อถามว่าแกนนำพรรคก้าวไกล ดูเหมือนจะไม่พอใจ ในการทำหน้าที่ของประธานรัฐสภา เมื่อวานนี้ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ไม่มีใครพอใจหรอกครับ ผมเองก็ไม่พอใจ ก็บอกกันตรงๆ เพราะข้อวินิจฉัยออกมาแบบนี้ แม้ตนจะพยายามหาทางออกให้หลายทาง แต่เมื่อผลออกมาแบบนี้แล้วก็ต้องยอมรับ แม้ไม่มีใครพอใจ ระบบรัฐสภาเป็นระบบเสียงข้างมากแต่ต้องมีหลักนิติธรรมด้วไย
เมื่อถามถึงปัญหาข้อบังคับที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ จะทำให้การประชุมรัฐสภาหลังจากนี้มีปัญหาหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า มีปัญหาแน่นอนแต่บทเรียนครั้งนี้สามารถนำไปสู่การปรับปรุงแก้ไขได้เพราะข้อบังคับการประชุมเกิดจากสมาชิกรัฐสภาเป็นผู้กำหนดแต่ต้องเป็นไปตามบทบัญญัติและธรรมนูญ
“ถ้าวินิจฉัยข้อบังคับแบบนี้ น่าเป็นห่วง พรรคเพื่อไทยเราได้ภาระที่ลำบาก หากเราได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล…เราต้องคิดก่อนว่ากำลังเรามี 100 ถ้าจะเอาชนะ ต้องทำให้เต็ม 100 หรืออย่างน้อย 80-90 ถ้ามีแค่นี้ไปรบเขาก็แพ้ เราต้องคิดหนัก สร้างความมั่นใจว่าไปสู้แล้วจะชนะ” นพ.ชลน่าน กล่าว
เมื่อถามว่าหลักที่จะชนะยังมีพรคก้าวไกลอยู่ด้วยใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน ระบุว่า ยังไม่ได้กำหนดว่าต้องมีหรือไม่มี แต่ในขณะนี้ยังอยู่ใน 8 พรรคร่วมฯ
สำหรับเงื่อนไขให้ก้าวไกลยอมถอยเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 นั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตนสงสารพรรคก้าวไกลที่โดนประเด็นนี้ มองว่าไม่ใช่แค่เรื่อง 112 แล้ว อย่างไรก็ตาม ขอไม่ก้าวล่วงการตัดสินใจของพรรคก้าวไกล
ส่วนกรณีที่พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย งดออกเสียงในการลงคะแนนการใช้ข้อบังคับที่ 41 นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตนทราบข่าวว่านายเสรีพิศุทธ์ ออกจากสภาไปก่อน โดยไม่ได้โหวต แต่มองว่าไม่ได้มีผลอะไร เพราะการโหวตญัตติกับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เป็นคนละประเด็น
ส่วนที่ สว. 13 คน เคยสนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ปรากฎว่า มี สว. 7 คน ที่เห็นชอบให้ใช้ ข้อบังคับที่ 41 ได้ จะแสดงนัยยะสำคัญอะไรหรือไม่ นพ.ชลน่าน ปฏิเสธก่อนว่า ตนไม่ทราบ เพราะ สว. แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่เคยสนับสนุน ส่วนหนึ่งก็มาโหวตว่าไม่เป็นญัตติ มองว่า เป็นความเห็นเรื่องการวินิจฉัย ไม่เกี่ยวกับการเลือกนายกรัฐมนตรี ย้ำว่าการตีความข้อบังคับ ก็ต้องอยู่บนพื้นฐานการตีความข้อบังคับ
นพ.ชลน่าน ยังบอกว่า เมื่อวานจากที่ฟังการอภิปรายในห้องประชุมเหมือนเป็นการสอนเรื่องของประชาธิปไตย พร้อมกับบอกว่า ตนรู้สึกภูมิใจที่มีผู้ใหญ่ในพรรค อย่างนายจาตุรนต์ ฉายแสง , นายนพดล ปัทมะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือ นายชูศักดิ์ ศิรินิล ส.ส.บัญชีรายชื่อ ได้ลุกขึ้นอภิปรายในมุมอย่างมีหลักการ ซึ่งเป็นสิ่งที่พึงมีพึงได้ในสังคมแล้วขณะนี้
เมื่อถามถึงสถานการณ์ของ 8 พรรคร่วม ยังราบรื่นหรือไม่เพราะ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์พรรคก้าวไกล อย่างดุเดือด นพ.ชลน่านกล่าวว่า ความคิดเห็นของแต่ละคนถือเป็นเสรีภาพ ยังถือเป็นความเห็นรวมไม่ได้ หากเป็นความเห็นรวมต้องนั่งปรึกษาหารือกันถึงจะออกมาเป็นความเห็นของ 8 พรรค
ส่วนที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ แสดงความเห็นว่า ให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลไปเลย และให้พรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้านนั้น นพ.ชลน่านกล่าวว่า ก็เป็นความเห็นของพลเอกเสรีพิศุทธ์ เพราะอาจจะมองว่า มีความเป็นไปไม่ได้เลยในการจัดตั้งรัฐบาล จึงแสดงความเห็นถึงช่องทางในการที่จะเป็นไปได้มากกว่า ส่วนตัวคิดว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ คงคิดแบบนั้น
ส่วนที่มีคนออกมาวิจารณ์ว่า 8 พรรคร่วมรัฐบาลติดกระดุมเม็ดแรกผิด ตั้งแต่เลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร นพ.ชลน่าน กล่าวว่า แล้วแต่มุมมองและจะสรุปว่าผิดหรือไม่ ต้องดูข้อเท็จจริงและเหตุการณ์ที่ปรากฏขึ้น เพราะอีกฝ่ายหนึ่งอาจจะบอกว่าติดถูก อีกฝ่ายอาจจะบอกว่าติดผิด ตนมองว่า นี่คือสีสันของประชาธิปไตย
ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่นๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY
