ราเมศ รัตนะเชวง ยืนยัน นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ไม่ได้จ้องล้มพ.ร.บ.งบประมาณ 63 หลังแฉมีการเสียบบัตรแทนกัน ชี้ส.ส.ต้องยึดหลักซื่อสัตย์สุจริตในการทำหน้าที่
เมื่อวันที่ 26 ม.ค. นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีการกดบัตรแทนกันของ ส.ส. ว่า สังคมต้องแยกออกจากกันก่อนระหว่างการกระทำความผิดของ ส.ส. กับความสำคัญของงบประมาณแผ่นดิน โดยการกระทำของ ส.ส. ที่ไม่ซื่อสัตย์ สุจริตต่อการทำหน้าที่ในการกดบัตรแทนกัน เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏชัดต้องว่ากันตามกระบวนการของการตรวจสอบถ่วงดุล แม้ว่านายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคปชป. จะตรวจสอบพบว่ามี ส.ส. เสียบบัตรแทนกัน ไม่ว่า ส.ส. คนนั้นจะอยู่พรรคการเมืองใด หลักการก็ต้องถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง
“ถ้าเกิดขึ้นกับ ส.ส.ปชป. ก็ต้องยึดหลักเดียวกัน และถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะพรรคได้ต่อสู้กับเรื่องนี้มาโดยตลอด ซึ่งเรื่องกดบัตรแทนกันของ ส.ส. เป็นเรื่องของส่วนรวมที่ทุกคนต้องช่วยกันขจัดสิ่งเหล่านี้ ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดความเสียหายตามมา จริงอยู่หากจะกล่าวว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของผู้กระทำผิด แต่ถ้าสังคมจะถือว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนตัวของผู้ที่ตรวจสอบด้วยนั้นก็เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนที่ต้องสนับสนุนให้มีการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวให้ถึงที่สุด” นายราเมศ กล่าว
นายราเมศ กล่าวว่า เมื่อการกระทำผิดของ ส.ส.ในการกดบัตรแทนกัน มีผลกระทบต่อ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ปี 2563 ก็ต้องหาทางแก้ปัญหา ยืนยันว่านายนิพิฏฐ์ ไม่ได้มีเจตนาตั้งต้นว่าต้องล้มงบประมาณของรัฐบาล อีกทั้งยังเสนอแนวทางแก้ปัญหาไว้ชัดตั้งแต่วันที่ออกมาแถลงข่าว ซึ่งทุกคนทุกฝ่ายก็พยายามหาทางกันเพื่อแก้ปัญหาให้ พ.ร.บ.งบประมาณเดินหน้าไปได้ จึงไม่อยากให้มีคำถามว่านายนิพิฏฐ์ทำไปทำไม แต่ควรจะถาม ส.ส. คนที่ทำผิดว่าทำไปทำไม ไม่เช่นนั้นเรื่องนี้กลับหัวกลับหางหมด ดังนั้นจึงต้องรอผลการตรวจสอบของศาลรัฐธรรมนูญเสียก่อน ทั้งนี้ แม้การแบ่งข้างกันในทางการเมืองจะเป็นเรื่องปกติ ที่มีฝ่ายค้าน มีฝ่ายรัฐบาล แต่หลักการความถูกต้อง ความซื่อสัตย์ สุจริต คือสิ่งสำคัญที่ทุกฝ่ายต้องตระหนักด้วยเช่นกัน