วันที่ 28 มิถุนายน 2563 นาย เทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีที่คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับสำนักวิจัยซูเปอร์โพล มหาวิทยาลัยมหิดล ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อตัวเลือก หรือทางออกของสภาพคล่องทางการเงินกว่า 1,200 ตัวอย่าง ครอบคลุมทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม ถึง 25 มิถุนายนที่ผ่านมา พบว่าคนไทยส่วนใหญ่ขาดสภาพคล่อง ต้องพึ่งโรงจำนำนั้น ว่า ต้องยอมรับความจริงว่าวิกฤตไวรัสโควิด19 ในครั้งนี้มีผลกระทบต่อสภาวะเศรษฐกิจในทุกระดับ ตั้งแต่มหาเศรษฐีคนรวย ถึงคนจนคนรากหญ้า ซึ่งแตกต่างกับวิกฤตฟองสบู่แตก หรือวิกฤตต้มยำกุ้ง ที่ส่งผลกระทบเฉพาะนักธุรกิจ นักลงทุน หรือสถาบันการเงินเท่านั้น ซึ่งประชาชนคนรากหญ้าได้รับผลกระทบน้อยมาก แต่วิกฤตไวรัสโควิด-19 ในครั้งนี้ กระทบตั้งแต่มหาเศรษฐี นายธนาคาร เจ้าของกิจการโรงแรม ธุรกิจรายใหญ่ ธุรกิจรายย่อย ร้านอาหาร จนถึงร้านขายของชำ และประชาชนผู้หาเช้ากินค่ำ มีคนตกงาน ไม่มีรายได้เลี้ยงชีพ ทำให้คนชั้นกลางหรือระดับรากหญ้า ต้องหาทางออกโดยการพึ่งพาโรงรับจำนำเพื่อนำเงินมาแก้ปัญหาเฉพาะหน้าก่อนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้กำลังมีการเปิดเทอมใหม่ของโรงเรียนต่างๆในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ พ่อแม่หรือผู้ปกครองของนักเรียนต้องหาเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายในการเปิดภาคเรียนใหม่ เมื่อไม่มีรายได้หรือเงินเพียงพอที่จะเป็นค่าใช้จ่ายของลูก จึงจำเป็นต้องหาที่พึ่งสุดท้ายคือพ่อแม่เข้าโรงรับจำนำ ก่อนลูกเข้าโรงเรียน
จึงอยากจะเรียกร้องตามข้อเสนอเดิม ที่เคยเสนอต่อรัฐบาลและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการมาแล้ว ขอให้มีการเยียวยากลุ่มนักเรียนคนละ 1000 บาทจำนวน3เดือนให้แก่นักเรียนตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่1ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่6 ซึ่งเป็นนักเรียนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งในขณะนี้พ่อแม่ผู้ปกครองนักเรียนกำลังรอคอยความชัดเจน และความช่วยเหลือจากรัฐบาลอยู่
จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลรีบดำเนินการเยียวยาช่วยเหลือกลุ่มเด็กนักเรียนทุกคนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในสังกัดโรงเรียนรัฐบาลและเอกชน ก่อนจะมีการเปิดภาคเรียนวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ด้วย
