นาย จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เปิดเผยว่า รัฐบาลกำลังพยายามที่จะเสนอตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ขึ้นมา ซึ่งตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ช่วงที่ก่อน คสช.จะเข้ามา เช่น การสลายการชุมนุมปี 52 ก็มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุดและปี 2553 ก็มีการตั้งขึ้นมาอีกหลายชุด และหลังจากการยึดอำนาจก็มีการตั้งคณะกรรมการตามรูปแบบต่าง ๆ หลายชุดหลายครั้ง แต่บทสรุปสุดท้ายคือไม่มีใครต้องการสร้างความสมานฉันท์อย่างแท้จริง
ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 15 ปีนี้ ไม่มีใครเชื่อ คำว่าสมานฉันท์ เป็นเพียงคำหลอกลวง ตลอดระยะเวลากว่า 7 ปีที่ผ่านมารัฐบาลชุดนี้มีโอกาสที่จะสร้างความสมานฉันท์ และความปรองดองขึ้นภายในชาติได้หลายครั้งแต่ไม่เคยดำเนินการจริง ๆ ปากบอกว่าปรองดอง แต่การกระทำสวนทางกัน ดังนั้นคณะกรรมการชุดนี้เป็นคณะกรรมการที่ไม่มีประโยชน์มากที่สุด
นายจตุพร ระบุด้วยว่า หากมีการแก้ไขปัญหากันจริง ๆ นั้น ต้องเริ่มต้นที่นายกรัฐมนตรี ต้องเสียสละ ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ขณะเดียวกันต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ดังนั้นหากนายกรัฐมนตรีกล้าเสียสละออกจากตำแหน่งอย่างที่ชายชาติทหารพึงกระทำ โดยเชื่อว่าหาก 2 ข้อนี้ ได้คลี่คลายก็จะช่วยลดอุณหภูมิการเมือง แต่หากยังปล่อยให้เดินไปเช่นนี้สุดท้ายก็จะจบลงแบบ 6 ตุลาคม 2519
โดย 88 ปีที่ผ่านมา พิสูจน์ได้ชัดเจนว่า ประเทศไทยจะมีการปกครองแบบใด จะเป็นนักการเมืองหรือทหารเข้ามาบริหารประเทศ มีเพียงกลุ่มเดียว ที่ได้รับผลประโยชน์ ไม่ว่าใครจะขึ้นมามีอำนาจ นั่นคือกลุ่มทุนผูกขาดทั้งหลาย ซึ่งตนได้เรียกพวกนี้ว่าเป็นเผด็จการทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะมีการปกครองโดยทหารหรือนักการเมือง คนที่ได้ประโยชน์ก็จะมีเพียงกลุ่มเดียว คือกลุ่มนายทุนผูกขาด ที่มีอยู่เพียงไม่กี่รายในประเทศไทย ที่เอารัดเอาเปรียบสูบเลือดคนไทยมายาวนาน
ทั้งนี้ จึงต้องทำลายโครงสร้างทุนใหญ่ ทั้งทุนพลังงาน ทุนผูกขาดเครื่องอุปโภคบริโภคทั้งหลาย หรือแม้แต่ทุนข้ามชาติ สิ่งเหล่านี้เชื่อว่าเป็นภัยคุกคามอย่างแท้จริง