รัฐมนตรีกัมพูชา ทำนายอนาคต อนุทิน จะไม่กลับมามีอำนาจในรัฐบาลอีก

ข่าวโซเชียล กรณี รัฐมนตรีกัมพูชา ทำนายอนาคต อนุทิน นายกรัฐมนตรีของไทย โดย วันที่ 12 ธันวาคม 2568 Keo Remy มี รัฐมนตรีประจำสำนักสภา และประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนกัมพูชา โพสต์ข้อความระบุว่า “ผมชอบคิดและวิเคราะห์ก่อนที่เหตุการณ์จะเกิดขึ้น อนุทินพูดว่าการคืนอำนาจให้ประชาชนผ่านการยุบสภาเพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ จากการวิเคราะห์ของผม อนุทินจะไม่สามารถกลับคืนสู่อำนาจได้อีก เพราะความหวังล่วงหน้าของอนุทินในการฟื้นฟูความนิยมของตนเองโดยสมคบคิดกับกองทัพในการรุกรานกัมพูชานั้นไม่สามารถฟื้นฟูได้”
ข้อที่ 1: ประชาชนส่วนใหญ่ ผู้ประกอบธุรกิจ นักเรียนนักศึกษา และปัญญาชนไทย เบื่อหน่ายกับการแย่งชิงอำนาจ ในการเมืองไทย
ข้อที่ 2: พวกเขา ไม่สนับสนุน ให้เกิดความขัดแย้งกับกัมพูชา ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ การสูญเสียรายได้ ทำให้เศรษฐกิจตกต่ำ ในขณะที่ปัญญาชนไทยรู้สึก ละอายและเสียหน้า ของประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศ
ประชาชนไทยส่วนใหญ่ทราบดีว่า กัมพูชาไม่ได้เป็นฝ่ายก่อสงครามกับไทย โดยพวกเขาพูดว่า ในช่วงที่เกิดน้ำท่วมใหญ่ซึ่งทั้งรัฐบาลและทหารไทยต่างติดพันวุ่นอยู่กับการให้ความช่วยเหลือประชาชน ในเวลานั้น พวกเขาไม่เห็นทหารกัมพูชายิงปืนใหญ่ก่อสงครามกับไทยเลย

ข่าวที่น่าสนใจ

• โดรนพลีชีพ สอดรับข่าวทหารรับจ้าง พบคำสั่งที่ใช้ในสงครามยูเครน รัสเซีย
• คลิปถล่มสะพาน K5 เขมร – หนองจาน จุดยุทธศาสตร์ ตัดกำลังทหารกัมพูชา
• เปิดคลิป โดรนพลีชีพ FPV เขมร บินพุ่งใส่ทหารไทย ระเบิดเต็มแรง

รัฐมนตรีกัมพูชา ทำนายอนาคต อนุทิน ยุบสภา

นอกจากนี้ “Keo Remy” ยังระบุอีกว่า “ประชาชนไทยส่วนใหญ่ ไม่ต้องการให้เกิดสงครามกับกัมพูชา เว้นแต่กลุ่มหัวรุนแรง กลุ่มชนชั้นนำไทย (พวกอามาตย์ไทย) และทหารไทยเท่านั้น”

ขอเน้นย้ำว่า: กลุ่มที่กระหายสงครามกับกัมพูชายังไม่ทราบอย่างชัดเจนถึง จุดแข็งที่สุดของกัมพูชาที่พวกเขาได้มองข้ามไป นั่นคือ ปัจจัยด้านประชาชน นอกเหนือจากความแข็งแกร่งด้านความรู้ความสามารถและประสบการณ์ของผู้นำรัฐบาลแล้ว ปัจจัยด้านความสามัคคีและความโกรธแค้น ที่เกิดจากการดูถูกเหยียดหยามของกลุ่มหัวรุนแรงไทย ทำให้เยาวชนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ชายหญิง รวมตัวกันอย่างเข้มแข็ง ร่วมกันบริจาคเงิน ทรัพย์สิน และเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ หากมีการเรียกร้องให้เข้ารับราชการทหารเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินจากการรุกรานและการดูหมิ่นจากศัตรูทางประวัติศาสตร์