นาย ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมาที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนฯ ทำเนียบรัฐบาล ยื่นคำร้องถึงมหาเถรสมาคม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้กำกับ ดูแล สำนักงานพระพุทธฯ เนื่องจากเห็นว่ามีพระภิกษุ-สามเณร ออกมาร่วมชุมนุมสาธารณะหรือประท้วงทางการเมืองหลายครั้ง ซึ่งสื่อมวลชนละประชาชนได้ถ่ายรูปหน้าตานำมาเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์กันอย่างแพร่หลาย ทำให้เป็นที่ครหา ข้อตำหนิติเตียนของพุทธมามกะเป็นอย่างมาก
โดยความขัดแข้งทางการเมือง ไม่ใช้หน้าที่ของพระภิกษุสามเณรผู้อยู่นอกเหนือการเมือง การที่พระภิกษุสามเณรเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมือง หรือช่วยสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองใด ๆ เพื่อเพื่อประโยชน์ของบุคคลใด หรือเพื่อประโยชน์ของตนเอง ย่อมเป็นการประพฤติผิดวิสัยของสมณบรรพชิต ย่อมนำความเสื่อมเสียมาสู่ตนเองและหมู่คณะ ตลอดถึงพระศาสนา เป็นที่ติเตียนของสาธุชนทั้งในและนอกพระศาสนา
พฤติกรรมและการแสดงออกดังกล่าวภิกษุ-สามเณรเหล่านั้น มิได้ละอายต่อการกระทำของตนแต่อย่างไร และในทางพุทธศาสนามักเรียกขานว่า “อลัชชี” ซึ่งหมายถึงภิกษุผู้ประพฤตินอกจารีต หรือภิกขุผู้มักประพฤติละเมิดพุทธบัญญัติ ควรสึกออกไปเป็นฆารวาสเสีย อย่าทำให้ผ้าเหลืองมัวหมอง
ทั้งนี้ ภิกษุ-สามเณร ต่างมีศีลบัญญัติและข้อห้ามซึ่งทางมหาเถรสมาคมซึ่งเป็นผู้ปกครองสูงสุดของภิกษุ-สามเณรเป็นผู้ออกคำสั่งไว้แล้ว คือคำสั่งมหาเถรสมาคม เรื่อง ห้ามพระภิกษุสามเณรเกี่ยวข้องกับการเมือง 2538 ข้อ 4 ข้อ 6 ข้อ 7 ที่สั่งห้ามพระภิกษุสามเณรเข้าไปในที่ชุมนุมทางการเมืองไม่ว่ากรณีใด ๆ ห้ามพระภิกษุสามเณรร่วมชุมนุมในการเรียกร้องสิทธิของบุคคลหรือคณะบุคคลใด ๆ และห้ามพระภิกษุสามเณรร่วมอภิปราย หรือบรรยายเรื่องเกี่ยวกับการเมืองซึ่งจัดตั้งขึ้นทั้งในวัดและนอกวัด หากฝ่าฝืนมีโทษตั้งแต่ขั้นตักเตือนไปจนถึงจับสึกได้
ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจะนำความพร้องรูปถ่ายหน้าตาภิกษุ-สามเณรต่างๆที่มาร่วมม็อบในแต่ละม็อบ รวมทั้งภิกษุที่กราบไหว้ฆารวาส(อดีตพุทธอิสระ)ด้วย เพื่อนำไปร้องเรียนและมอบให้มหาเถรสมาคมและ สนง.พระพุทธศาสนาแห่งชาติ รวมทั้งนายอนุชา นาคาศัย ในฐานะผู้กำกับ ดูแลสำนักพุทธฯ เพื่อให้เร่งเอาผิด ลงโทษ และหรือจับภิกษุ-สามเณรที่ทำตนเป็นอลัชชีเหล่านี้ให้สึกออกไปจากเพศบรรพชิตเสียให้หมด และจัดส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตามกฎหมาย เพื่อมิให้มากระทำตนแปดเปื้อนต่อบวรพุทศาสนาต่อไป