แถลงการณ์พรรคก้าวไกล กรณีให้ หมออ๋อง ปดิพัทธ์ สันติภาดา พ้นจากสมาชิกภาพ เพื่อคงไว้ซึ่งตำแหน่ง รองประธานสภาฯ คนที่ 1
สืบเนื่องจากประเด็นการเมือง ที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคก้าวไกล เพื่อให้เพื่อนสมาชิกในพรรคได้ขึ้นมารับตำแหน่งแทน ซึ่งก็ได้มีมติพรรคออกไปก่อนหน้านี้แล้วว่า นายชัยธวัช ตุลาธน นั้นจะขึ้นเป็น หัวหน้าพรรคก้าวไกลคนต่อไป ซึ่งเหตุผลในการเลือกหัวหน้าพรรคใหม่ในครั้งนี้ เนื่องจาก ขณะนี้นายพิธา ยังคงถูกศาลตัดสินว่า ต้องยุติหน้าที่ของผู้แทนราษฎร ไปก่อนเพื่อรอการตรวจสอความผิดในประเด็นหุ้นสื่อ ITV จึงไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในสภาฯได้ และพรรคก้าวไกลจะไม่สามารถเป็นผู้นำฝ่ายค้านได้
ซึ่งอีกประเด็นที่น่าสนใจ นั้นก็คือ หากพรรคก้าวไกลจะเป็นผู้นำฝ่ายค้าน หมออ๋อง ปดิพัทธ์ สันติภาดา นั้นต้องไม่อยู่ในตำแหน่งรองประธานสภาฯคนที่ 1 จึงทำให้มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า ก้าวไกล นั้นจะตัดสินใจอย่างไรในกรณีของ หมออ๋อง โดยล่าสุดวันนี้ 28 กันยายน 2566 เวลาประมาณ 20.40 น. นั้นได้มีแถลงการณ์จากพรรคก้าวไกลแล้ว โดยระบุข้อความ ดังนี้
เรียนพี่น้องประชาชนผู้ทรงอำนาจสูงสุดในประเทศ
นับจากนี้ไป พรรคก้าวไกลจะมุ่งมั่นเดินหน้าทำงานเต็มที่ในฐานะ “ฝ่ายค้าน” เราจะทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมา พร้อมกับผลักดันวาระการเปลี่ยนแปลงที่ก้าวหน้า และเตรียมความพร้อมในการเป็นรัฐบาลที่ดีของประชาชนในการเลือกตั้งครั้งถัดไป
ในวันนี้ (28 ก.ย. 2566) คณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่และผู้แทนราษฎรของพรรคก้าวไกลจึงได้ประชุมร่วมกัน เพื่อวางแนวทางการทำงานที่รองรับเป้าหมายของพรรค ดังต่อไปนี้
1. ที่ประชุมร่วมฯ เห็นตรงกันว่า พรรคก้าวไกลควรเดินหน้าเป็น “ฝ่ายค้านโดยสมบูรณ์” ตามเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน โดยให้หัวหน้าพรรคคนใหม่ ชัยธวัช ตุลาธน รับตำแหน่ง “ผู้นำฝ่านค้านในสภาผู้แทนราษฎร” เพื่อกำกับทิศทางการทำหน้าที่ในสภาฯ ของฝ่ายค้าน
2. ที่ประชุมร่วมฯ เข้าใจว่า การตัดสินใจดังกล่าวจะทำให้ สส. จากพรรคก้าวไกล ไม่สามารถดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือรองประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ ตามที่บัญญัติในรัฐธรรมนูญ มาตรา 106
3. ที่ประชุมร่วมฯ รับทราบจากหัวหน้าพรรคว่า ทางคณะกรรมการบริหารพรรคได้หารือประเด็นดังกล่าวกับ ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคก้าวไกลแล้ว โดย ปดิพัทธ์ ได้แสดงความประสงค์ว่าต้องการทำหน้าที่ในฐานะรองประธานสภาผู้แทนราษฎรต่อไป เพื่อผลักดันให้สภา มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และยึดโยงกับประชาชนมากขึ้น ตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ก่อนหน้า รวมถึงเพื่อช่วยผลักดันให้กระบวนการตรวจรับอาคารรัฐสภา ซึ่งมีสัญญาก่อสร้างมูลค่ากว่า 12,000 ล้านบาท มีความโปร่งใส
4. ที่ประชุมร่วมฯ เห็นด้วยว่าภารกิจที่ปดิพัทธ์ ตั้งใจขับเคลื่อนจะนำไปสู่การยกระดับการทำงานของสภา และเป็นการปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน แต่ที่ประชุมร่วมฯ ยังคงยืนยันถึงความสำคัญของการทำหน้าที่เป็น “ฝ่ายค้านโดยสมบูรณ์” ซึ่งจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้หาก ปดิพัทธ์ ยังคงดำรงสถานะเดิมในฐานะรองประธานสภา จากพรรคก้าวไกล
5. ที่ประชุมร่วมฯ จึงมีมติว่า ในเมื่อ ปดิพัทธ์ ยังคงยืนยันความประสงค์จะทำงานในฐานะรองประธานสภาต่อ พรรคก้าวไกลจึงจำเป็นต้องให้ปดิพัทธ์ออกจากการเป็นสมาชิกพรรคของพรรคก้าวไกล ตามบทบัญญัติแห่งข้อบังคับพรรคก้าวไกลและรัฐธรรมนูญ เพื่อให้พรรคก้าวไกลสามารถทำหน้าที่เป็น “ฝ่ายค้านโดยสมบูรณ์” ได้ อันเป็นเงื่อนไขที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการทำงานของพรรคหลังจากนี้
6. ที่ประชุมร่วมฯ หวังว่า แม้ ปดิพัทธ์ จะไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลอีกต่อไป แต่เขาจะยังขับเคลื่อนนโยบายตามที่ได้เคยให้คำมั่นสัญญาไว้ก่อนถูกรับเลือกโดยสภาผู้แทนราษฎร และต้องวางตนเป็นกลางต่อทุกพรรคการเมืองในการปฏิบัติหน้าที่ตามที่ถูกกำหนดในรัฐธรรมนูญ มาตรา 80
พรรคก้าวไกลขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกคน มาร่วมกับเราในการเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ไปด้วยกัน


ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่น ๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY