นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ยืนหยัด เป็นผู้นำไม่มีเวลาเสียกำลังใจ แม้จะถูกวิจารณ์ปม เงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท
เรียกได้ว่ากระบวนการของการสร้าง เงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท นั้นถูกประชาชนจับตามองเป็นอย่างมาก อีกทั้งนักการเมืองและนักวิชาการหลายคน ต่างก็ออกมาวิเคราะห์ถึงหลักเกณฑ์ที่จะกู้เงิน 5 แสนล้านมาดำเนินโครงการดังกล่าว ขณะที่รัฐบาลยังคงยืนหยัดที่จะใช้วิธีออก พระราชบัญญัติกู้เงิน หรือ พ.ร.บ.กู้เงิน ซึ่งนอกจากคำวิจารณ์แล้วยังมีการสำรวจโพล ซึ่งผลออกมาว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับ เงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท
ล่าสุด วานนี้ 20 พฤศจิกายน 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงผลสำรวจนิด้าโพลว่ามีประชาชนส่วนหนึ่งไม่เห็นด้วยกับการกู้เงินมาแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ว่า เท่าที่ดูคร่าว ๆ ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้น เพราะคนที่เห็นด้วยก็มี ถือเป็นการสะท้อนความคิดเห็น และเรื่องก็อยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว อีกทั้งตัวเลขทางเศรษฐกิจก็สะท้อนออกมาว่า GDP ไตรมาส 3 ขยายตัวเพียง 1.5% คู่แข่งประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียต่ำสุด 3.3% บางประเทศมากกว่าเรา 2-3 เท่า เป็นเรื่องของการตีความว่าวิกฤติจำเป็นหรือไม่ ซึ่งรัฐบาลนี้ย้ำว่าวิกฤติและจำเป็น
ส่วนหลังแถลงรายละเอียด โครงการดิจิทัลวอลเล็ต ไปแล้วตอนนี้ได้มีการรวบรวมเสียงสะท้อนหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ตนรวบรวมข้อมูลต่อ แม้จะแถลงไปแล้วก็ต้องทำงานต่อ ก็รับฟังเพราะยังมีรายละเอียดเล็กน้อย
ไม่ต้องห่วง ไม่หมดกำลังใจ
เมื่อถามว่ามีความเป็นห่วงหรือไม่ว่า กว่า พ.ร.บ.เงินกู้จะออก จะทำให้เสียสมาธิในการเดินหน้าทำโครงการ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตำแหน่งผู้นำประเทศ เป็นตำแหน่งที่อยู่ในความรับผิดชอบที่สูง มีหลายภาคส่วนที่ต้องดูแลแก้ปัญหา เสียสมาธิเสียกำลังใจคงไม่มี ไม่มีสิทธิ์ที่จะเสียสมาธิ คงมีข้ออ้างไม่ได้ที่จะไม่ทำงาน “ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่เสียกำลังใจ ไม่เสียสมาธิ”
ส่วนที่นายกฯ ระบุว่าเห็นตัวเลข GDP 1.5% แล้วตกใจ จะมีเทคนิคทางเศรษฐกิจอย่างไรระหว่างรอโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อมากระตุ้นเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ดิจิทัล วอลเล็ต เป็นนโยบายใหญ่นโยบายหนึ่ง เช่นเดียวกับนโยบายการท่องเที่ยว รวมถึงซอฟต์พาวเวอร์ และการแก้ไขปัญหาหนี้สินทั้งระบบ ซึ่งบางอย่างทำได้ทันที และมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
ส่วนจะให้ความมั่นใจกับประชาชนอย่างไร นายเศรษฐา ย้ำว่า เรายังทำงานอย่างเต็มที่ ภาคส่วนไหนที่ต้องการความช่วยเหลือ เราเข้าใจความลำบากของประชาชน การประชุม ครม. ทุกนัด ก็มีมาตรการต่าง ๆ ออกมา พยายามอยู่
“ผมตกใจ และเลขาสภาพัฒน์ฯ ก็ตกใจ เพราะตัวเลข GDP น้อยกว่าที่คาด หายไป 0.5% ถือว่าสูงมาก เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความเร่งด่วนจำเป็น
เมื่อถามว่าที่นายกรัฐมนตรีระบุว่า ตอนนี้เศรษฐกิจมันเลวร้ายกว่าที่คิด และวิกฤติอยู่แล้ว แต่ตอนนี้หนักกว่าเดิมหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เป็นการยืนยันมากกว่าว่าสิ่งที่เราคิดมันเป็นอย่างไร และเมื่อสื่อถามว่าไม่เกินความสามารถนายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีไม่ได้ตอบคำถาม เพียงแต่ยิ้ม พร้อมกล่าวว่า สวัสดีครับ ขอบคุณครับ จากนั้นขึ้นรถออกจากกระทรวงการคลัง กลับทำเนียบรัฐบาลทันที
